คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติมาตรานี้ใช้บังคับรวมทั้งนิติบุคคลเช่นเทศบาลและจังหวัดด้วย
การที่สร้างทางเดินเท้าผ่านหน้าที่ดินของบุคคลอื่นอันเป็นเหตุให้เจ้าของที่เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแล้ว แม้ทางเดินเท้านั้นจะอยู่ในที่สาธารณะและเมื่อผู้สร้างสร้างแล้วอุทิศให้เป็นทางสาธารณะด้วย เจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ยังคงได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1337 นี้อยู่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้สร้างสะพานเป็นทางเดินเท้าริมคลองบางใส้ไก่ชิดติดกับที่ดินของโจทก์ ยาวผ่านเฉพาะหน้าที่นั้นประมาณ 20.50 เมตร โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้อนุมัติ และจำเลยที่ 2 อนุญาตให้ทำกีดขวางหน้าที่ดินบ้านและห้องแถวของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์และผู้เช่าห้องขึ้นลงใช้น้ำในคลองไม่สดวก กับทั้งได้สร้างคร่อมทับสะพานน้ำของโจทก์ที่ทำไว้สำหรับขึ้นลงในคลองนั้นจนโจทก์ใช้สะพานนี้ไม่ได้ โจทก์ได้บอกกล่าวให้รื้อถอนจำเลยก็เพิกเฉย ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์อันจะพึงได้จากผู้ที่จะมาเช่าห้องแต่รังเกียจด้วยขึ้นลงใช้น้ำไม่ได้ จึงไม่มีคนเช่าโจทก์ขาดเงินกินเปล่า 3 ห้อง 15,000 บาท ค่าเช่า 3 ห้อง อีกเดือนละ 300 บาท ขอให้บังคับรื้อสะพานและให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 15,000 บาท และค่าเช่าเดือนละ 300 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อสะพานเสร็จ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้ปลูกสร้างสะพานจริง แต่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะสะพานนั้นอยู่นอกเขตโฉนดของโจทก์ ซึ่งเป็นที่สาธารณะ จำเลยได้อุทิศสะพานนี้ให้เป็นทางสาธารณะมาตั้งแต่ต้นแล้วการที่สร้างคร่อมสะพานโจทก์เพราะสะพานน้ำของโจทก์เป็นเพียงไม้ปูลาดลงไปก้นคลอง เป็นการยื่นล้ำลงไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตการกระทำของจำเลยมิได้ทำให้โจทก์เสียหาย ห้องเช่าของโจทก์ว่างมานานก่อนจำเลยสร้างสะพานแล้ว

จำเลยที่ 2-3 ให้การว่า ได้อนุญาตและอนุมัติให้จำเลยที่ 1 ทำสะพานเป็นทางสาธารณะในที่สาธารณประโยชน์เพราะคลองตื้น จำเลยที่ 1 และผู้ที่อยู่แถบนั้นไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ สะพานนั้นไม่ได้ผ่านและกีดขวางที่ดินบ้านและห้องแถวของโจทก์ ๆ ไม่ได้รับความเสียหายดังฟ้อง จำเลยมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ทำสะพานทางเดินเพื่อประโยชน์สาธารณะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

ศาลชั้นต้นไปดูที่เกิดเหตุแล้ว เห็นว่าสะพานนั้นกีดขวางและปิดหน้าที่ดินของโจทก์ ขัดต่ดประโยชน์ที่จะใช้สิทธิอันจะพึงมีต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ โจทก์ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 จำเลยที่ 2-3 ไม่มีอำนาจอนุญาตอนุมัติ แม้จะทำขึ้นในเขตทางสาธารณะ คำสั่งอนุญาตอนุมัตินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คดีฟังได้ว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสะพานนั้น คำขออื่นให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์ว่าควรได้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์ว่าสะพานนี้ได้อุทิศเป็นทางสาธารณะแล้ว รูปคดีจะปรับด้วย มาตรา 1337 ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างสาธารณชนกับโจทก์ซึ่งเป็นเอกชน ทั้งมิได้กีดขวางปิดหน้าที่ดินโจทก์ ๆ ไม่ได้เสียหาย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 1337 ใช้บังคับแก่บุคคลรวมทั้งเทศบาลนครธนบุรี และจังหวัดธนบุรี จำเลยที่ 2-3 ด้วย การสร้างสะพานนั้นปิดหน้าที่ดินของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรการที่จำเลยทำสะพานขึ้นแล้วอุทิศให้เป็นทางสาธารณะนั้น ไม่ทำให้พ้นความรับผิดไปได้ ทั้งทางพิจารณาได้ความว่า การสร้างสะพานรายนี้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าของที่ดินเพียง 2 คน คือ จำเลยที่ 1 กับ น.ส.เบญจรูญ หาใช่เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่ พิพากษายืน

Share