คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3993/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอ้างว่าคดีนี้เป็นข้อพิพาทอันเกิดจากสัญญาเข้าร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน 2535 สัญญาดังกล่าวข้อ 37 ได้ระบุให้มีการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ โจทก์คัดค้านว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามโดยอาศัยสิทธิตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเลิกสัญญาร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2539 สัญญาดังกล่าวได้ยกเลิกข้อกำหนดเดิมเรื่องการตั้งอนุญาโตตุลาการ ศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเลิกสัญญาร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 20พฤศจิกายน 2539 ว่า มีการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่ ทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสามรับกันแต่เพียงว่า ประเด็นข้อพิพาทเฉพาะเรื่องค่าภาษีเท่านั้นที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการซึ่งโจทก์สมัครใจเข้าร่วมกระบวนการแล้ว คดีมีประเด็นข้อพิพาทเรื่องอื่นอีกจึงมีความจำเป็นที่จะต้องไต่สวนให้ได้ความดังกล่าว ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530มาตรา 10 โดยไม่ทำการไต่สวนก่อนนั้น จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานผิดสัญญาร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสาร และจำเลยที่ 3 ฐานผิดสัญญาค้ำประกัน โดยขอให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธในทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ค่าเสียหายตามคำฟ้องของโจทก์เป็นความเสียหายที่เกิดจากข้อพิพาทตามสัญญาร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน 2535 เป็นข้อพิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ ที่ได้มีการตกลงในสัญญาดังกล่าวให้มีการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการและฝ่ายโจทก์สมัครใจเข้าร่วมกระบวนการในชั้นอนุญาโตตุลาการแล้ว เป็นคดีข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 61/2541 ของสำนักงานอนุญาโตตุลาการโดยโจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านข้อพิพาทตามกระบวนพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการและแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการของฝ่ายโจทก์เพื่อระงับข้อพิพาทดังกล่าว ทั้งสำนักงานอนุญาโตตุลาการได้นัดพร้อมสอบถามผลการประนีประนอมในวันที่ 5 เมษายน 2542 เวลา 9.30 นาฬิกา จึงชอบที่จะเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อน ขอให้ศาลจำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10

โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาที่โจทก์และจำเลยทั้งสามตกลงกันใหม่ตามสัญญาเลขที่ ชบ.31/2539ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2539 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาหลักคือสัญญาที่ ชบ.55/2535ลงวันที่ 3 กันยายน 2535 ทั้งสัญญาเลขที่ ชบ.31/2539 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2539ไม่มีข้อสัญญาว่า เมื่อเกิดข้อพิพาทให้คู่กรณีตั้งอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยข้อพิพาท โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามปฏิบัติตามข้อสัญญาได้

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10 ให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอ้างว่าคดีนี้เป็นข้อพิพาทอันเกิดจากสัญญาเข้าร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน 2535 สัญญาดังกล่าวข้อ 37 ได้ระบุให้มีการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ โจทก์คัดค้านว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามโดยอาศัยสิทธิตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเลิกสัญญาร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2539 สัญญาดังกล่าวได้ยกเลิกข้อกำหนดเดิมเรื่องการตั้งอนุญาโตตุลาการ ศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเลิกสัญญาร่วมลงทุนในการเดินรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กในเขตเมืองเพื่อบริการในเขตธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2539 ว่า มีการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่ ทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสามรับกันแต่เพียงว่า ประเด็นข้อพิพาทเฉพาะค่าภาษีเท่านั้นที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการ คดีจึงมีความจำเป็นที่จะต้องไต่สวนให้ได้ความดังกล่าว ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10 โดยไม่ทำการไต่สวนก่อนนั้นจึงไม่ชอบด้วยเหตุผล ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share