คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การระวางโทษเป็นสองเท่าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 73 จะต้องปรากฏว่าบุคคลผู้นั้นได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และพ้นโทษคดีก่อนมาแล้วยังไม่ครบห้าปีมากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอีกซึ่งแสดงให้เห็นว่าขณะผู้นั้นกระทำความผิดในคดีหลังคดีก่อนจะต้องถึงที่สุดไปแล้ว จึงจะระวางโทษในคดีหลังเป็นสองเท่าได้ เมื่อคดีก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยมากระทำความผิดคดีนี้ซ้ำอีก อันเป็นการกระทำความผิดในขณะที่คดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด จึงระวางโทษจำเลยในคดีนี้เป็นสองเท่าไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2543 เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยจำเลยนำภาพยนตร์วิดีโอซีดีที่บันทึกภาพและเสียง ซึ่งมีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทดีสนีย์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้เสียหายที่ 1 บริษัทยูนิเวอร์แซล ซิตี้ สตูดิโอ อิงค์ ผู้เสียหายที่ 2 บริษัทพาราเมาท์พิคเจอร์สคอร์ปอเรชั่น ผู้เสียหายที่ 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทม์ วอร์เนอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมปานี ผู้เสียหายที่ 4 บริษัทไทรสตาร์ พิคเจอร์ อิงค์ผู้เสียหายที่ 5 และบริษัทโคลัมเบีย พิคเจอร์ส อินดัสทรี่ส์ อิงค์ ผู้เสียหายที่ 6 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกาและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยผู้เสียหายทั้งหกเป็นผู้สร้างสรรค์และได้โฆษณางานครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย โดยจำเลยนำภาพยนตร์วิดีโอซีดีดังกล่าว จำนวน134 แผ่น ออกขาย เสนอขายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นภาพยนตร์วิดีโอซีดีดังกล่าวทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ได้อนุญาตจากผู้เสียหายทั้งหกนอกจากนี้จำเลยยังประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์วิดีโอซีดีเรื่องต่าง ๆ อันเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจและได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการจำหน่ายภาพยนตร์วิดีโอซีดีดังกล่าว โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และไม่ใช่กรณีที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมแผ่นภาพยนตร์วิดีโอซีดีข้างต้นเป็นของกลาง จำเลยคดีนี้เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1414/2543หมายเลขแดงที่ 1400/2543 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ฐานกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ210,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี เมื่อพ้นโทษปรับแล้วยังไม่ครบห้าปีจำเลยได้กระทำความผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 31,61, 69, 70, 73, 75, 76 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 6, 34 โดยวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับคดีนี้บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษเข้ากับคดีนี้ให้วิดีโอซีดีและซีดีของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยกระทำความผิดและต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจริง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (ที่ถูก 31(1)), 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง,34 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (ที่ถูก 31(1)), 70 วรรคสอง ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 270,000 บาท กระทงหนึ่งจำเลยเคยต้องโทษคดีอื่นมาแล้วฐานกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ้นโทษยังไม่ครบห้าปี มากระทำผิดในคดีนี้อีกต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ จึงจำคุกจำเลย 2 ปี ปรับ 540,000 บาทความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 34 ให้ปรับ 20,000 บาท อีกกระทงหนึ่งรวมจำคุก 1 ปี (ที่ถูก 2 ปี) และปรับ 560,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และปรับ 280,000 บาทเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวต่อไปโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์จ่ายค่าปรับเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งของค่าปรับตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 แก่เจ้าของลิขสิทธิ์เนื่องจากคดีนี้ไม่ได้ลงโทษจำคุกจำเลยจึงไม่บวกโทษให้

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ขณะจำเลยกระทำผิดคดีนี้คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1400/2543 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางยังไม่ถึงที่สุด จึงลงโทษจำเลยเป็นสองเท่าไม่ได้นั้นเห็นว่า การระวางโทษเป็นสองเท่าตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 73 จะต้องปรากฏว่าบุคคลผู้นั้นได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และพ้นโทษคดีก่อนมาแล้วยังไม่ครบห้าปีมากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขณะผู้นั้นกระทำความผิดในคดีหลังคดีก่อนจะต้องถึงที่สุดไปแล้วจึงจะระวางโทษในคดีหลังเป็นสองเท่าได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าคดีก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยมากระทำความผิดคดีนี้ซ้ำอีก อันเป็นการกระทำความผิดในขณะที่คดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด จึงระวางโทษจำเลยในคดีนี้เป็นสองเท่าไม่ได้ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 100,000 บาท ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์พ.ศ. 2530 ปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 110,000บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 55,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share