คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3983/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.บิดาจำเลยเป็นหนี้กู้ยืมโจทก์เมื่อพ.ตาย จำเลยซึ่งเป็นทายาทจะต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ แต่ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกของ พ. ที่ตกทอดได้แก่จำเลย โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดใช้หนี้ดังกล่าว ศาลพิพากษาคดี ถึงที่สุดว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดกที่นาของ พ. ที่นำมาเป็นหลักประกัน การกู้ยืมเงินโจทก์ ให้จำเลยใช้หนี้กู้ยืมแก่โจทก์ตามฟ้อง จำเลย จึงเป็น ลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อ จำเลย ไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดี ยึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้จำเลย จะ อ้างว่า ยึดทรัพย์สินของจำเลยไม่ได้ก็แต่ในกรณีที่จำเลยไม่ได้เป็น ผู้ที่ได้รับมรดกของ พ.เท่านั้นดังนั้นแม้พ. จะยกที่พิพาทอีก 2 แปลง ให้จำเลยก่อนตาย ซึ่งทำให้ไม่เป็นทรัพย์สินในกองมรดก ของ พ.ก็ตามโจทก์ก็มีสิทธินำยึดที่พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ได้จำเลยและผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นสามีภรรยาและเป็นเจ้าของ ร่วมกัน ในที่พิพาทไม่อาจขอให้ปล่อยที่พิพาทได้.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรและเป็นทายาทผู้รับมรดกของนายแพง ฝาชัยภูมิ ผู้ตาย ใช้หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินที่นายแพงกู้ยืมโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดกที่ดินนาที่นายแพงนำมาเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงินให้จำเลยใช้หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่าที่ดิน 2 แปลง ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องทั้งสองที่นายแพงยกให้ก่อนตาย ขอให้ปล่อย
โจทก์ให้การว่า ที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าวเป็นมรดกของนายแพง ซึ่งผู้ร้องทั้งสองเพิ่งไปขอโอนหลังนายแพงตาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ปล่อยที่ดินทั้ง 2 แปลง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นายแพงผู้ตายซึ่งเป็นบิดาจำเลยเป็นหนี้โจทก์เป็นความรับผิดของนายแพง อันเป็นมรดกตกทอดได้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาท จำเลยต้องรับผิดในหนี้สินดังกล่าวต่อโจทก์เพียงแต่ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่จำเลยเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าจำเลยเป็นผู้ที่ได้รับมรดกที่ดินนาที่นายแพงนำมาเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินโจทก์ ให้จำเลยใช้หนี้ที่นายแพงเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญากู้ยืมเงินอันเป็นคำพิพากษาที่ให้จำเลยรับผิดใช้หนี้แก่โจทก์ โดยเหตุที่จำเลยเป็นทายาทผู้ที่ได้รับมรดกของนายแพง จำเลยจึงเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้ จำเลยจะอ้างว่าจะยึดทรัพย์ของจำเลยไม่ได้ก็แต่ในกรณีที่จำเลยไม่ได้เป็นผู้ที่ได้รับทรัพย์มรดกใด ๆ ของนายแพงเท่านั้น แต่ตามคำร้องของจำเลยไม่ได้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างในการขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่โจทก์นำยึด ดังปรากฏตามคำร้องของจำเลยว่าที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย โดยนายแพงยกให้ก่อนที่นายแพงถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินในกองมรดก ดังนี้แม้จะได้ความตามคำร้องของจำเลย แต่เมื่อจำเลยต้องรับผิดในหนี้เงินกู้ที่นายแพงต้องชำระต่อโจทก์แล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธินำยึดที่ดินพิพาททั้ง 2 แปลงซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นของตนเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้ จำเลยและผู้ร้องที่ 2เป็นสามีภริยากัน เป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินพิพาท จึงไม่อาจขอให้ปล่อยทรัพย์สินดังกล่าวได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง.

Share