คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์โดยวิธีผ่อนชำระ และโจทก์ยอมถอนคำร้องทุกข์ในคดีเรื่องนั้น ข้อตกลงเช่นนี้เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้หาใช่เป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฉะนั้นเมื่อโจทก์จำเลยมิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือกันไว้ และเอกสารหลักฐานการถอนคำร้องทุกข์ก็มีแต่โจทก์ลงชื่อฝ่ายเดียวโจทก์จึงฟ้องจำเลยตามข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์โดยมอบเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายแก่โจทก์ไว้เพื่อเป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้เรียกเก็บเงินตามเช็ค ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงนำเช็คไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลย ระหว่างพนักงานอัยการพิจารณาสำนวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จแล้วจำเลยได้ขอร้องโจทก์ให้ถอนคำร้องทุกข์ โดยจำเลยสัญญาว่าจะชำระหนี้เงินกู้ตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์ โจทก์จำเลยได้ไปพบพนักงานสอบสวนแจ้งความประสงค์ให้พนักงานสอบสวนลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้นับตั้งแต่โจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้ว จำเลยก็มิได้ชำระหนี้แก่โจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงิน
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และต่อสู้ข้ออื่นอีก
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสั่งว่า ได้ตรวจคำฟ้อง คำให้การแล้วคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องโจทก์ได้ความว่า มูลเหตุที่จะมีข้อตกลงระหว่าง โจทก์จำเลยนั้น เนื่องจากจำเลยยืมเงินโจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้แก่โจทก์ไว้เมื่อเช็คถึงกำหนดโดยนำเช็คไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธ การจ่ายเงิน โจทก์จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนสอบสวนแล้ว ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องจำเลยต่อศาล ในระหว่างที่อัยการตรวจสำนวนอยู่นั้น จำเลยมาขอร้องให้โจทก์ถอนคำร้องทุกข์ แล้วจำเลยจะชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์โดยผ่อนชำระเดือนละ ๒,๐๐๐ บาทจนกว่าจะหมด โจทก์จึงไปแจ้งข้อตกลงดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวนและขอถอนคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนได้ลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้ ต่อมาจำเลยหาได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงไม่ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเช่นนี้เป็นกรณีที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องการระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ให้เสร็จไปด้วย ต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน โดยจำเลยยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ โดยวิธีผ่อนชำระเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท โจทก์ยอมตกลงตามนั้นและยอมถอนคำร้องทุกข์ ข้อตกลงเช่นนี้จึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามมาตรา ๘๕๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จำเลยมิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือกันไว้และเอกสารขอถอนคำร้องทุกข์ก็เป็นแต่เพียงหลักฐานขอถอนคำร้องทุกข์ ซึ่งโจทก์ลงชื่อฝ่ายเดียว ดังนี้โจทก์จึงฟ้องร้องจำเลยตามข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้
พิพากษายืน

Share