คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3979/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้ายให้แก่จำเลยแล้วต่อมาจำเลยแจ้งให้โจทก์ก่อสร้างท่อระบายน้ำแก้ไขงานที่ยังไม่เรียบร้อยอีก 9 รายการ โจทก์มีหนังสือลงวันที่ 30 ตุลาคม 2529 แจ้งจำเลยว่าแก้ไขงานเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่จำเลยแจ้งว่างานรายการที่ 5คือบ่อพักบางจุดไม่มีขอบรัดฝาบ่อพัก และฝาบ่อพักไม่วางบนขอบบ่อพัก ให้โจทก์แก้ไขโดยไม่โต้แย้งงานอีก 8 รายการ แสดงว่าจำเลยยอมรับว่าโจทก์แก้ไขงานอื่นตามที่จำเลยแจ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับงานรายการที่ 5 นั้น นับแต่เริ่มทำการก่อสร้างปรากฏว่าแนวของท่อระบายน้ำไปติดกับท่อเมนประปาและบ้านเรือนของราษฎร เป็นอุปสรรคไม่สามารถก่อสร้างตามแบบแปลนได้ ช่างควบคุมงานก่อสร้างของจำเลยทำบันทึกลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2529ขออนุมัติจำเลยเปลี่ยนแปลงแนวท่อ จำเลยอนุมัติในวันเดียวกันนั้น โจทก์ได้ก่อสร้างท่อระบายน้ำทางเท้าตามแบบแปลนที่แก้ไขใหม่ โดยย้ายแนวท่อตามที่ช่างควบคุมงานก่อสร้างของจำเลยกำหนด ถือได้ว่าจำเลยอนุมัติให้แก้ไขรายการก่อสร้างให้ไม่ต้องมีขอบรัดฝา บ่อพักสำหรับบ่อพักที่เป็นปัญหาตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2529 แล้ว ดังนี้ย่อมถือว่าโจทก์ได้ส่งมอบงานงวดสุดท้าย ให้จำเลยแล้วเสร็จบริบูรณ์ในวันที่ 30 ตุลาคม 2529 จำเลยจึงมีสิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันนับแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2529 อันเป็นวันหลังวันที่โจทก์จะต้องทำงาน แล้วเสร็จตามสัญญาจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2529 รวมเป็นเวลา 18 วันเท่านั้น ตามสัญญาจ้างมีข้อความว่า จำเลยตกลงจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างท่อระบายน้ำทางเท้าคันหินรางตื้นถนนประชาสัมพันธ์ฝั่งด้านทิศใต้จากถนนอุทัยรามฤทธิ์ความยาวไม่น้อยกว่า 555 เมตร เป็นราคารวมทั้งสิ้น1,026,000 บาท เป็นการว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างโดยกำหนดจุดที่จะก่อสร้างไว้โดยชัดเจน และกำหนดราคาจ้างเหมาทั้งสิ้น โดยกำหนดความยาวของท่อระบายน้ำทางเท้าไม่น้อยกว่า 555 เมตรเมื่อโจทก์ก่อสร้างท่อระบายน้ำทางเท้ายาวเกินกว่า555 เมตร ออกไปอีก 9.20 เมตร แต่ส่วนที่ก่อสร้างเพิ่มเติมยังอยู่ในช่วงถนนตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียก ค่าก่อสร้างเพิ่มเติม โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าจ้างงวดสุดท้ายแก่โจทก์พร้อมค่าเสียหายในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าจ้างนับแต่วันแก้ไข งานเรียบร้อยถึงวันฟ้อง และค่าเสียหายในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ดังนี้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล อนาคต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างท่อระบายน้ำทางเท้าคันหินรางตื้น ความยาวไม่น้อยกว่า 555 เมตรตกลงค่าจ้างเป็นเงินทั้งสิ้น 1,026,000 บาท และกำหนดให้โจทก์ก่อสร้างให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2529โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้ายตามกำหนดเวลาแห่งสัญญาจ้างแล้วขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายจำนวน516,854 บาท และค่าเสียหายกับเงินค่าก่อสร้างส่วนทีเพิ่มเติมนอกสัญญาจ้างจำนวน 17,149.95 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า งานที่โจทก์ส่งมอบมีข้อบกพร่องไม่เรียบร้อยรวม 9 รายการ จำเลยมีหนังสือแจ้งโจทก์ให้ดำเนินการแก้ไขแต่โจทก์ไม่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องรายการที่ 5 ได้ ในที่สุดโจทก์ยินยอมให้ตัดเงินส่วนที่ไม่สามารถก่อสร้างได้และค่าปรับเนื่องจากส่งมอบงานในสภาพที่ไม่เรียบร้อยตามสัญญาจนล่วงเลยกำหนด 50 วัน เป็นเงิน 50,000 บาท ออกจากเงินค่าจ้างคงเหลือเงินงวดสุดท้าย 466,854 บาท จำเลยไม่เคยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ว่าจะไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและงานที่โจทก์อ้างว่าก่อสร้างเพิ่มเติมนอกสัญญาจ้างนั้นเป็นงานในสัญญาจ้างตามแบบแปลนท้ายสัญญาจ้างเดิม โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินเพิ่มจากจำเลยอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยมีหนังสือลงวันที่24 ตุลาคม 2529 แจ้งให้โจทก์ดำเนินการแก้ไขงานที่ยังไม่เรียบร้อย9 รายการ โจทก์มีหนังสือลงวันที่ 30 ตุลาคม 2529 แจ้งว่าโจทก์ได้ดำเนินการแก้ไขงานที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ทำการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2529แจ้งโจทก์ว่างานรายการที่ 5 คือ บ่อพักบางจุดไม่มีขอบรัดฝาบ่อและฝาบ่อพักไม่วางขนขอบบ่อพัก ให้โจทก์ดำเนินการแก้ไขต่อไปโดยจำเลยมิได้โต้แย้งงานรายการอื่นอีก 8 รายการ แสดงให้เห็นว่าจำเลยยอมรับว่าโจทก์ได้แก้ไขงานอื่นนอกจากรายการที่ 5เสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับงานรายการที่ 5 นั้นเมื่อเริ่มทำการก่อสร้างปรากฏว่าแนวของท่อระบายน้ำไปติดกับท่อเมนประปาและบ้านเรือนของราษฎรเป็นอุปสรรคไม่สามารถก่อสร้างตามแบบแปลนได้ ช่างควบคุมงานก่อสร้างของจำเลยทำบันทึกลงวันที่26 พฤษภาคม 2529 ขออนุมัติจำเลยขอเปลี่ยนแปลงแนวท่อจำเลยอนุมัติในวันเดียวกันนั้น โจทก์ได้ก่อสร้างตามแนวที่แก้ไขใหม่ ถือได้ว่าจำเลยอนุมัติให้แก้ไขรายการก่อสร้างให้ไม่ต้องมีขอบรัดฝาบ่อพักสำหรับบ่อพักที่เป็นปัญหาตั้งแต่วันที่26 พฤษภาคม 2529 แล้ว ดังนี้ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งมอบงานงวดสุดท้ายให้จำเลยแล้วเสร็จบริบูรณ์ในวันที่ 30 ตุลาคม 2529จำเลยจึงมีสิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันนับแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2529อันเป็นวันหลังวันที่โจทก์จะต้องทำงานแล้วเสร็จตามสัญญาจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2529 รวมเป็นเวลา 18 วันเท่านั้น
ตามสัญญาจ้างมีข้อความระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยตกลงจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างท่อระบายน้ำทางเท้าคันหินรางตื้นถนนประชาสัมพันธ์ฝั่งด้านทิศใต้จากแยกถนนอุทัยรามฤทธิ์ ถึงสามแยกถนนวารีราชเดช และถนนวารีราชเดช ด้านทิศตะวันออกจากถนนแจ้งสนิทไปทางทิศเหนือ ความยาวไม่น้อยกว่า 555 เมตร เป็นราคารวมทั้งสิ้น1,026,000 บาท เป็นการว่าจ้างให้โจทก์ก่อสร้างโดยกำหนดจุดที่จะทำการก่อสร้างไว้โดยชัดเจนและกำหนดราคาจ้างเหมาทั้งสิ้นทั้งนี้โดยมีการกำหนดความยาวของท่อระบายน้ำไม่น้อยกว่า 555 เมตร เมื่อโจทก์ก่อสร้างท่อระบายน้ำความยาวเกินกว่า 555 เมตรออกไปอีก 9.20 เมตร แต่ส่วนที่ก่อสร้างอยู่ในช่วงถนนตามสัญญาโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าก่อสร้างเพิ่มเติม
การที่โจทก์ยังมิได้รับเงินงวดสุดท้ายจำนวน498,854 บาท ที่เหลือจากการหักเงินค่าก่อสร้างขอบรัดฝาบ่อพักที่โจทก์ไม่ได้ก่อสร้างและเงินค่าปรับที่โจทก์ก่อสร้างท่อระบายน้ำไม่แล้วเสร็จตามสัญญาออกจากเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายจำนวน526,000 บาท เกิดจากความผิดของโจทก์เอง มิได้เกิดจากจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยของเงินจำนวนดังกล่าวก่อนวันฟ้องให้แก่โจทก์ โจทก์คงมีสิทธิที่จะได้รับชำระเงินจำนวน498,854 บาท จากจำเลยพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายให้แก่โจทก์พร้อมค่าเสียหายในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าจ้างนับแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2529 ซึ่งโจทก์แก้ไขงานเรียบร้อยถึงวันฟ้อง และค่าเสียหายในอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ ดังนี้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคต
พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 498,854 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share