แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือของกลางจำนวน 91 เล่ม ที่จำเลยขายหรือเสนอขายพิมพ์ลอกเลียนจากหนังสือฉบับแท้จริงของกระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหาย มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงอย่างเห็นได้ชัด จำเลยเป็นพ่อค้าประกอบอาชีพจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดมานานประมาณ 20 ปีแล้ว มีร้านค้าของตนเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยย่อมมีความรู้ความเข้าใจมีประสบการณ์และความชำนาญในการตรวจตราหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดต่าง ๆ ที่สั่งมาจำหน่ายในร้านค้าของตนว่าถูกต้องหรือไม่จำเลยได้รู้เห็นหนังสือของกลางนั้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นหนังสือแบบเรียนหรือแบบฝึกหัดที่แท้จริงของผู้เสียหาย และย่อมสังเกตเห็นว่าหนังสือของกลางดังกล่าวมีลักษณะแตกต่างจากหนังสือของผู้เสียหาย ที่จำเลยเคยสั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภา ซึ่งผู้เสียหายสงวน ลิขสิทธิ์ดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือของกลาง จำนวน 91 เล่มนั้น โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ขึ้นโดย ละเมิด ลิขสิทธิ์ ของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 27.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 4, 27, 44, 47, 49 ริบของกลางและจ่ายค่าปรับแก่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 44 วรรคสอง ให้ปรับจำเลย 80,000 บาทให้จ่ายค่าปรับแก่กระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหายเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนมีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 หนังสือของกลางเฉพาะที่พิมพ์ขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายจำนวน 91 เล่ม ให้ตกเป็นของผู้เสียหาย หนังสือของกลางนอกนั้นและหนังสือตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่รับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยและภรรยา ประกอบกิจการค้าขายหนังสือและร้านค้าของจำเลยเป็นผู้ขายส่งสินค้าขององค์การค้าของคุรุสภา จัดจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดที่สั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภา เมื่อวันที่ 29สิงหาคม 2529 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ขององค์การค้าของคุรุสภา ได้ไปตรวจและยึดหนังสือแบบเรียนปลอมคือไม่ใช่หนังสือที่จัดพิมพ์โดยองค์การค้าของคุรุสภา จำนวน 91 เล่มซึ่งกระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหายมีลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียว จำเลยได้วางเสนอขายหนังสือปลอมดังกล่าวที่ร้านค้าจำเลย มีปัญหาชั้นฎีกาข้อเดียวตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือจำนวน91 เล่ม โดยรู้อยู่แล้วว่าหนังสือนั้นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า หนังสือของกลางจำนวน 91 เล่มนั้นพิมพ์ลอกเลียนจากหนังสือฉบับแท้จริงของผู้เสียหาย มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ เลขวิ่งบอกจำนวนเล่มของหนังสือแต่ละเล่มที่พิมพ์ไว้บนปกด้านหลังจะซ้ำกันหรือเกินจำนวนเล่มหนังสือที่อนุญาตให้พิมพ์ตามที่ระบุไว้บนปกด้านในรูปเล่มของหนังสือไม่ได้มาตรฐาน ขนาดรูปเล่มไม่เท่าฉบับแท้จริงอาจจะใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าฉบับแท้จริง ตัวอักษรไม่ชัดเจนบางคำขาดหายไป รูปภาพ ตัวอักษรและหมึกที่ใช้พิมพ์จะขีดไม่ชัดสีจะไม่เหมือนฉบับแท้จริง ลวดที่เย็บเล่มจะไม่ได้ขนาดจะเหลื่อมลักลั่นกันไม่คงที่ ดังเช่นหนังสือฉบับที่พิมพ์ลอกเลียนจากหนังสือฉบับแท้จริงตามเอกสารหมาย ป.จ.2 ถึง ป.จ.9 ซึ่งเห็นได้โดยง่ายว่าแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงตามเอกสารหมาย ป.จ.10ถึง ป.จ.15 จำเลยเป็นพ่อค้าประกอบอาชีพจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดมานานประมาณ 20 ปีแล้ว มีร้านค้าของตนเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยย่อมมีความรู้ความเข้าใจมีประสบการณ์และความชำนาญในการตรวจตราหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดต่าง ๆ ที่สั่งมาจำหน่ายในร้านค้าของตนว่าถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ไม่เอาใจใส่ตรวจตรา เพราะมิฉะนั้นจำเลยย่อมจะไม่สามารถรู้ได้ว่า ในร้านค้าของตนมีสินค้าอะไรไว้จำหน่ายเพียงใดหรือไม่ นอกจากนั้นยังได้ความจากภรรยาจำเลยว่าซื้อหนังสือเหล่านั้นมาจากผู้เร่ขาย จึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้รู้เห็นหนังสือของกลางนั้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นหนังสือแบบเรียนหรือแบบฝึกหัดที่แท้จริงของผู้เสียหาย และย่อมสังเกตรู้เห็นอยู่แล้วว่าหนังสือของกลางดังกล่าวมีลักษณะแตกต่างจากหนังสือของผู้เสียหายที่จำเลยเคยสั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภาซึ่งผู้เสียหายสงวนลิขสิทธิ์ ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงเชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือของกลางจำนวน 91 เล่ม นั้นโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 27
พิพากษายืน.