แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นฟ้องผู้จัดการและสมุหบัญชีธนาคารสาขาเป็นจำเลยที่2และที่3โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกจ้างของธนาคารจำเลยที่1ดังนี้เป็นการฟ้องตัวบุคคลธรรมดาที่มีตัวอยู่แน่นอนแล้วไม่ใช่เป็นการฟ้องตำแหน่งซึ่งไม่ใช่บุคคลตามกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัดจำเลยที่ 1 สาขาประตูช้างเผือก เชียงใหม่ มีข้อตกลงกันว่าโจทก์จะถอนเงินจากบัญชีของโจทก์โดยการใช้เช็ค เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม2526 มีผู้นำเช็คในบัญชีของโจทก์ดังกล่าวที่ถูกลักไปเขียนรายการและปลอมลายมือชื่อของโจทก์ไปเบิกเงินจำนวน 50,000 บาท จำเลยที่ 3ด้วยการอนุมัติของจำเลยที่ 2 ได้จ่ายเงินตามเช็คโดยไม่ตรวจสอบเปรียบเทียบลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์ที่ให้ไว้ โจทก์ทราบเรื่องเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2526และได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ชดใช้เงินจำนวน 50,000 บาทแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองบ่ายเบี่ยง ทำให้โจทก์เสียหาย เนื่องจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 การกระทำดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ดอกเบี้ยจากวันละเมิดอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 3,718.75 บาท ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 53,718.75 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 50,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ หมายเรียกจำเลยทั้งสองจำเลยที่ 3 ยื่นคำให้การแล้วศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำสั่งที่รับคำฟ้องของโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 3 เนื่องจากปรากฏตามคำฟ้องโจทก์เฉพาะของจำเลยที่ 2 และที่ 3 โจทก์ฟ้องผู้จัดการกับสมุหบัญชีซึ่งเป็นตำแหน่งไม่ใช่บุคคลตามกฎหมายที่โจทก์จะฟ้องได้ และสั่งไม่รับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์อุทธรณ์ขอให้รับฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3ไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องผู้จัดการและสมุหบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาประตูช้างเผือก ซึ่งเป็นตำแหน่งมิใช่บุคคลจริง แต่ในคำฟ้องของโจทก์ต่อมาได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการและสมุหบัญชีของจำเลยที่ 1 สาขาประตูช้างเผือก ซึ่งเป็นการฟ้องตัวบุคคลมิใช่ฟ้องตำแหน่ง การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ต้องพิจารณาทั้งฉบับจะแยกพิจารณาส่วนใดส่วนหนึ่งจากกันโดยเด็ดขาดไม่ได้ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชัดเจน อ่านไม่เข้าใจ ควรสั่งให้แก้ไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสามฎีกา ขอไม่ให้รับฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 ที่ 3ไว้พิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้หรือไม่ ปรากฏว่าโจทก์ยื่นฟ้องผู้จัดการและสมุหบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาประตูช้างเผือก เชียงใหม่เป็นจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการฟ้องตัวบุคคลธรรมดาที่มีตัวอยู่แน่นอนแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.