แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยตกลงรับขนสินค้าและเป็นผู้ออกใบตราส่งให้แก่บริษัท บ. ใบจองระวางเรือก็ปรากฏว่าเป็นแบบฟอร์มที่จำเลยจัดเตรียมให้แก่ผู้ส่ง โดยข้อตกลงในเรื่องการชำระค่าระวางที่กำหนดไว้ในใบตราส่งระบุว่า Freight prepaid แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้รับบำเหน็จค่าระวางเรืออันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้านี้แล้ว นอกจากนี้จำเลยยังเป็นนิติบุคคลอันมีวัตถุประสงค์คือประกอบกิจการรับขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในการที่จำเลยทำสัญญากับบริษัท บ. จำเลยก็ไม่ได้มีการแจ้งหรือสำแดงไว้แต่ประการใดว่าจำเลยเป็นตัวแทนของผู้ขนส่งรายใด ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ขนส่ง ตามคำนิยามคำว่า “ผู้ขนส่ง” ในมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเลฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการรับประกันวินาศภัยรวมทั้งการประกันภัยทางทะเล จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการรับขนส่งสินค้าทางทะเลเพื่อบำเหน็จทางการค้า บริษัทเบญจพืช จำกัด ขายข้าวให้แก่บริษัทพีที. มูซินโด การิมัน จำกัด ผู้ซื้อ ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยผู้ขายได้ติดต่อขอเอาประกันภัยสินค้าที่ขายให้แก่ผู้ซื้อรายดังกล่าวกับโจทก์โดยได้ขอเอาประกันภัยสินค้าสำหรับการเสียหายหรือสูญหายอันจะเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจากประเทศไทยไปจนถึงโกดังของผู้ซื้อที่ประเทศอินโดนีเซีย จำเลยตกลงรับขนส่งจากประเทศไทยไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่งตามที่ได้รับว่าจ้างจากผู้ขาย เมื่อเรือเดินทางไปถึงเมืองท่าปลายทางและผู้รับตราส่งได้ชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายพร้อมกับได้รับโอนใบตราส่งและสิทธิต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสินค้าและตามสัญญาประกันภัยมาเป็นของผู้รับตราส่ง จำเลยได้เริ่มทำการขนถ่ายสินค้าเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่ง แต่ปรากฏว่าสินค้าซึ่งเป็นข้าวขาวที่จำเลยได้ส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งเปียกน้ำเสียหายและสูญหายไปบางส่วน ผู้รับตราส่งได้เรียกร้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับสินค้าข้าวที่เปียกน้ำเสียหายและที่สูญหายแต่จำเลยเพิกเฉย ผู้รับตราส่งจึงได้เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์ โจทก์เห็นว่าความเสียหายของสินค้าข้าวและการสูญหายของสินค้าข้าวอยู่ในความดูแลของจำเลยซึ่งถือว่าอยู่ในระหว่างการขนส่งของจำเลย และเกิดขึ้นก่อนที่ผู้รับตราส่งจะได้รับมอบสินค้าจากจำเลย อยู่ภายใต้เงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์จึงได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับตราส่ง และโจทก์ได้รับช่วงสิทธิจากผู้รับตราส่งเพื่อเรียกร้องเอากับจำเลยในฐานะเป็นผู้ขนส่ง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 4,670.10 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 4,670.10 ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้รับขนส่งสินค้าทางทะเลแต่จำเลยเป็นตัวแทนเจ้าของเรือ จำเลยมีหน้าที่ออกใบตราส่งในฐานะตัวแทนเจ้าของเรือให้ผู้ส่งสินค้าเพื่อนำไปมอบให้ผู้รับตราส่ง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,670.10 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 ตุลาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทเบญจพืช จำกัด ได้ติดต่อให้จำเลยรับขนสินค้า จำเลยตกลงและเป็นผู้ออกใบตราส่ง เมื่อตรวจดูใบจองระวางเรือก็ปรากฏว่าเป็นเอกสารแบบฟอร์มของจำเลยที่จัดเตรียมให้ ซึ่งหากจำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่ง เอกสารใบตราจองเรือก็น่าจะเป็นแบบฟอร์มของผู้ขนส่งที่ระบุว่าผู้ใดจะเป็นผู้ขนส่งสินค้ารายนี้ และเมื่อพิเคราะห์ต่อไปถึงข้อตกลงในเรื่องการชำระค่าระวางที่กำหนดไว้ในใบตราส่งว่า Frieght prepaid หมายความว่า เจ้าของเรือได้รับชำระเงินค่าระวางก่อนที่จะมีการออกใบตราส่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ขนส่งโดยได้รับบำเหน็จค่าระวางเรืออันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้าในคดีนี้แล้ว จำเลยเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์คือประกอบกิจการรับขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ในการที่จำเลยทำสัญญากับบริษัทเบญจพืช จำกัด จำเลยก็ไม่ได้มีการแจ้งหรือสำแดงไว้แต่ประการใดว่า จำเลยเป็นตัวแทนของผู้ขนส่งรายใดเอกสารที่ใช้ประกอบการขนส่งสินค้ารวมทั้งใบตราส่งเป็นเอกสารที่จำเลยเป็นผู้ออกโดยเฉพาะในใบตราส่งก็ไม่ปรากฏว่ามีการระบุชื่อผู้ขนส่งอื่นใดซึ่งมิใช่จำเลย ดังนั้น เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการขนส่งจำเลยจะนำสืบเพียงลอย ๆ ว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่ง โดยไม่สามารถนำสืบถึงนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ขนส่งซึ่งเป็นตัวการกับบริษัทเบญจพืช จำกัด ได้ พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานจำเลย ฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งสินค้าของบริษัทเบญจพืช จำกัด ในคดีนี้ตามคำนิยาม คำว่า “ผู้ขนส่ง” ในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน