แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนี้จำนวนแรกศาลพิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้กับ ท. และ ล.ชำระเงินแก่เจ้าหนี้พร้อมดอกเบี้ย โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2521 เป็นต้นไป เมื่อ ท.ชำระเงินจำนวน 107,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และ ล. ชำระเงินจำนวน313,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแล้วให้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ ท. และ ล. จำนองไว้ เป็นมูลหนี้อันเป็นสิทธิเรียกร้อง อันตั้งฐานขึ้นโดยคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจึงมีอายุความ 10 ปี หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ อายุความย่อมเริ่มนับตั้งแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ คือวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2521 เมื่อนับถึงวันที่ 12 เมษายน 2531ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นระยะเวลาเกิน 10 ปีแล้วจึงขาดอายุความ การที่ ท. และ ล. ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้แก่โจทก์ในวันที่ 15 มีนาคม 2521 และ 19 มิถุนายน 2521 ตามลำดับ เป็นการไถ่ถอนจำนองตามสิทธิที่ระบุไว้ในคำพิพากษา ไม่เกี่ยวกับการชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง หนี้จำนองที่สอง ศาลพิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้กับพวกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ทุกวันที่ 15 ของเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2521 เป็นต้นไป หลังจากศาลพิพากษาแล้วมีการผ่อนชำระแก่เจ้าหนี้ 3 งวด แล้วไม่ชำระอีก อายุความเริ่มนับเมื่อผิดนัดงวดที่ 4 คือตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2521เมื่อนับถึงวันที่ 12 เมษายน 2531 ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังอยู่ในระยะเวลา 10 ปี หนี้จำนวนหลังจึงยังไม่ขาดอายุความ.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2531 เจ้าหนี้ยื่นคำรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมจำนวน 3,142,098.99 บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สอบสวนแล้วเห็นว่า ลูกหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขคดีแดงที่ 12865/2530 และ11540/2530 ของศาลชั้นต้น แต่นับวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงวันที่ 12 เมษายน 2531 เป็นระยะเวลาเกิน 10 ปี มูลหนี้ตามคำพิพากษาทั้งสองรายจึงเป็นอันขาดอายุความ ต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 94(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483เห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนี้จำนวนแรกในคดีแพ่งหมายเลขคดีแดงที่ 12865/2520 ศาลมีคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2520ลูกหนี้กับพวกยอมผ่อนชำระเป็นเงินรายเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ20,000 บาท งวดแรกชำระภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2520 งวดต่อไปทุกวันที่ 10 ของเดือน ดังนี้ มูลหนี้ดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดย คำพิพากษาชั้นที่สุดของศาล จึงมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168 เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตั้งแต่ งวด เดือนแรกคือ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์2521 ถือว่าผิดนัดตั้งแต่นั้น อายุความเริ่มนับแต่ขณะที่จะอาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 169 กล่าวคือ ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2521 จนถึงวันที่เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2531 เป็นระยะเวลาเกิน 10 ปีแล้ว ส่วนการที่ นายทวีชัย และนางลัดดาวัลย์ลูกหนี้รวม ได้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2521 และวันที่ 19 มิถุนายน 2521 ตามลำดับ ก็เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินตามสิทธิของลูกหนี้ร่วมที่ระบุไว้ในคำพิพากษาตามยอมโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับการชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ ดังนั้น หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94(1) เจ้าหนี้ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้
ส่วนหนี้จำนวนที่สองในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 11540/2520ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษานามยอมเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2520ลูกหนี้กับพวกยอมผ่อนชำระภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน เดือนแรกภายในวันที่ 15 มกราคม 2521 หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว ได้มีการผ่อนชำระหนี้แก่เจ้าหนี้รวม 3 งวด หลังจากนั้นไม่มีการชำระหนี้อีกดังนี้ เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ในงวดที่สี่ภายในวันที่15 เมษายน 2521 ถือว่าผิดนัดตั้งแต่นั้น อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2521 จนถึงวันที่เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2531 ยังอยู่ในระยะเวลา 10 ปี เจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94
พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงินจำนวน 1,374,023.63 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 130 (8) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.