แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า โจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินมีสิทธิที่จะฉาบ ปูนและทาสีอาคารของโจทก์ซึ่งอยู่ชิดแนวเขตที่ดิน จำเลยโดยอาศัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 วรรคหนึ่ง ได้หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์บอกกล่าวจำเลยล่วงหน้า แล้ว จึงสามารถใช้ที่ดินของจำเลยที่อยู่ข้างเคียงเพื่อ ฉาบ ปูนและทาสีอาคารดังกล่าวได้ ดังนี้ปัญหาว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 เป็นบทจำกัด การใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินผู้มีความประสงค์จะใช้สิทธิ นอกแดน กรรมสิทธิ์ของตนหรือไม่ จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง การใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 วรรคหนึ่ง เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งมิได้บัญญัติให้เจ้าของที่ดินติดต่อต้องงดเว้นไม่ก่อสร้าง สิ่งใดลงใกล้แนวเขตที่ดิน ดังนั้น การที่โจทก์ปลูกสร้างอาคาร ฝ่าฝืนกฎหมายชิดแนวเขตโดยไม่เว้นระยะห่าง ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จำเลยหรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์ต่างหาก กรณีจึงมิใช่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจงใจหลีกเลี่ยงฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นเหตุให้จำเลยที่มีที่ดินติดต่อได้รับความเสียหายดังที่จำเลยฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งมีแนวเขตที่ดินติดต่อกับแนวเขตที่ดินโจทก์ โจทก์บอกกล่าวขอใช้ที่ดินของจำเลยเพื่อทำการฉาบ ปูนและทาสีอาคารของโจทก์ แต่จำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินและไม่ยอมให้โจทก์เข้าไปในที่ดิน ทำให้โจทก์ไม่อาจก่อสร้างอาคารต่อไปได้ ขอให้พิพากษาว่า โจทก์และผู้ที่โจทก์มอบหมายมีสิทธิ เข้าไปในที่ดินของจำเลย มีสิทธิใช้ที่ดินของจำเลยวางนั่งร้านทำการฉาบ ปูนและทาสีผนังอาคารของโจทก์ที่อยู่ตรงแนวเขตระหว่างที่ดินของโจทก์กับที่ดินของจำเลยได้จนกว่าการฉาบปูนและทาสีจะเสร็จสิ้น ห้ามจำเลยขัดขวางโจทก์และผู้ที่โจทก์มอบหมายในการที่จะเข้าไปฉาบ ปูนและทาสีผนังอาคารของโจทก์ในที่ดินของจำเลย ห้ามจำเลยขัดขวางในการที่โจทก์และผู้ที่โจทก์มอบหมายให้ขนวัสดุอุปกรณ์นั่งร้านหรือวัสดุอุปกรณ์ทั้งเครื่องมือในการทำนั่งร้านฉาบ ปูนและทาสีผนังอาคารของโจทก์เข้าไปในที่ดินของจำเลย ห้ามจำเลยรบกวนหรือกระทำการใดอันไม่เป็นการสะดวกแก่โจทก์และผู้ที่โจทก์มอบหมายจะเข้าไปทำการฉาบปูนและทาสีผนังอาคารของโจทก์ในที่ดินของจำเลยและในการที่โจทก์และผู้ที่โจทก์มอบหมายได้ขนวัสดุอุปกรณ์นั่งร้านหรือวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือในการทำนั่งร้านฉาบ ปูนและทาสีผนังอาคารของโจทก์เข้าไปในที่ดินของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้เพิกถอนการยินยอมให้ก่อสร้างอาคารพิพาทชิดแนวเขต คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โจทก์จึงไม่อาจอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 มาบังคับจำเลยเพื่อทำการฉาบ ปูนและทาสีอาคารพิพาทได้ การใช้สิทธิของโจทก์ไม่สุจริตฝ่าฝืนกฎหมายปลูกสร้างอาคารชิดแนวเขต ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยทำให้พื้นดินยุบตัวมีผลทำให้สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในโรงเรือนจำเลยเคลื่อนตัวและเสื่อมสภาพเร็วเกินกว่าอายุการใช้งานตามปกติ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้โจทก์มีสิทธิใช้ที่ดินของจำเลยเท่าที่จำเป็นเพื่อทำนั่งร้าน ฉาบ ปูนและทาสีอาคารของโจทก์ได้คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 เป็นบทจำกัดสิทธิของเจ้าของที่ดินด้านติดต่อเป็นการไม่ชอบ โดยอ้างว่ามาตรา 1351 เป็นบทจำกัดการใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินผู้มีความประสงค์จะใช้สิทธินอกแดนกรรมสิทธิ์ของตนบนที่ดินของเพื่อนบ้านเพื่อทำการปลูกสร้างหรือซ่อมแซมรั้ว กำแพงหรือโรงเรือนของตน ซึ่งจะได้ใช้สิทธินั้นต่อเมื่อได้บอกกล่าวความประสงค์ต่อผู้เป็นเพื่อนบ้านก่อนตามสมควรแก่การจะปลูกสร้างหรือซ่อมแซม โดยอาจใช้ที่ดินติดต่อซึ่งถูกจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นและถูกจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะที่ตรงหรือใกล้แนวเขตของตนและยังต้องใช้ด้วยความเคารพต่อสิทธิทั้งหลายของเพื่อนบ้านด้วยความสุจริตตอบแทนการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลของเพื่อนบ้านนั้นเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า โจทก์มีสิทธิที่จะฉาบ ปูนและทาสีอาคารของโจทก์ซึ่งอยู่ชิดแนวเขตที่ดินจำเลยโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 วรรคหนึ่งได้หรือไม่เท่านั้น ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1351 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เจ้าของที่ดินเมื่อบอกล่วงหน้าตามสมควรแล้วอาจใช้ที่ดินติดต่อเพียงที่จำเป็นในการปลูกสร้างหรือซ่อมแซมรั้ว กำแพงหรือโรงเรือน ตรงหรือใกล้แนวเขตของตนแต่จะเข้าไปในเรือนที่อยู่ของเพื่อนบ้านข้างเคียงไม่ได้เว้นแต่ได้รับความยินยอม” เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์บอกกล่าวจำเลยล่วงหน้าแล้วตามหนังสือบอกกล่าวเอกสารหมายเลข 4 โจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดินจึงสามารถใช้ที่ดินของจำเลยที่อยู่ข้างเคียงเพื่อฉาบปูนและทาสีอาคารดังกล่าวได้ดังนั้น บทบัญญัติดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิของเจ้าของที่ดินด้านติดต่อหรือเป็นบทจำกัดการใช้สิทธิของเจ้าของที่ดินผู้มีความประสงค์จะใช้สิทธินอกแดน กรรมสิทธิ์ของตน จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตจงใจหลีกเลี่ยงฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นเหตุให้จำเลยที่มีที่ดินติดต่อได้รับความเสียหายโจทก์จะมีสิทธิเข้าไปในที่ดินติดต่อของจำเลยได้หรือไม่นั้นเห็นว่า การที่โจทก์ใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1351 วรรคหนึ่ง นั้นเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายส่วนการที่โจทก์ปลูกสร้างอาคารฝ่าฝืนกฎหมายชิดแนวเขตโดยไม่เว้นระยะห่างก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์ต่างหาก นอกจากนี้มาตรา 1351 ก็มิได้บัญญัติให้เจ้าของที่ดินติดต่อต้องงดเว้นไม่ก่อสร้างสิ่งใดลงใกล้แนวเขตที่ดิน
พิพากษายืน