คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ซื้อขาย (ชั้นบังคับคดี)
++ โปรดดูย่อจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
++ เล่มที่ 8 หน้า 159 ++
++ ขอดูชุดพิเศษโปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++

ย่อยาว

เรื่อง ซื้อขาย (ชั้นบังคับคดี)
จำเลยที่ ๑ ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๒ เดือน ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
ศาลฎีกา รับวันที่ ๓๐ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๒
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้ร่วมกันชำระหนี้ ๕๒๙,๒๕๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน๕๒๘,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แล้วโจทก์และจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่า จำเลยทั้งสองยอมชำระเงิน ๕๒๙,๒๕๘ บาท ให้แก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวดงวดละไม่น้อยกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท เริ่มผ่อนชำระงวดแรกภายในวันที่ ๑๕พฤษภาคม ๒๕๔๐ งวดต่อไปทุกวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป และจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๑ โดยจะนำไปชำระให้แก่ทนายโจทก์ที่สำนักงาน ถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงินงวดแรกตามกำหนด โจทก์ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์
จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องว่า จำเลยทั้งสองได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ไปแล้ว ๓๐,๐๐๐ บาท คำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดีของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำพิพากษาได้กำหนดให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินงวดแรกในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ แต่จำเลยที่ ๑ ได้ชำระงวดแรกวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ถือว่าจำเลยเป็นผู้ผิดนัดไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา แต่เมื่อโจทก์รับว่าได้รับชำระหนี้ไว้แล้วจากจำเลยที่ ๑ จำนวน๓๐,๐๐๐ บาท จึงต้องนำไปหักจากยอดหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์มีอำนาจที่จะบังคับคดีได้ทันทีในยอดเงินจำนวน ๔๙๙,๒๕๘ บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ค้างชำระ ดังนั้น จึงให้แก้ไขหมายให้ถูกต้อง แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการบังคับคดีรายนี้ชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า มูลคดีเดิมเป็นเรื่องซื้อขายจำนวนหนี้ ๕๒๙,๒๕๘ บาท ต่อมาคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลตกลงผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวเป็นงวด ๆ หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใด บังคับคดีได้ทันที งวดแรกชำระในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ แต่จำเลยที่ ๑ กลับชำระในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๐ โดยโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ผ่านทางธนาคารเป็นเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท ครบถ้วนตามข้อตกลง แม้จะมีการชำระเงินครบถ้วนดังกล่าว ก็ไม่ทำให้จำเลยที่ ๑ พ้นจากการตกเป็นผู้ผิดนัด เพราะจำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ล่วงเลยกำหนด ทั้งชำระผิดสถานที่ที่ระบุไว้อันเป็นความผิดของจำเลยที่ ๑ เอง การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่ปรากฏว่าจำนวนหนี้ตามหมายบังคับคดีมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมีการชำระหนี้ไปบ้างแล้ว ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ไม่เป็นเหตุที่จำเลยที่ ๑ จะขอยกเลิกหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดีได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมและศาลอุทธรณ์ก็มิได้สั่งแก้ไขในเรื่องนี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและศาลฎีกาให้เป็นพับ.

Share