คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3937/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โคคาอีน ที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นของที่มีไว้ เป็นความผิดไม่อาจเสียภาษีได้ การที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น จึงมิใช่เป็นการนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 16, 17, 68, 69, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2496(ที่ถูก พ.ศ. 2469) มาตรา 27 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 16, 17 วรรคสอง,68 วรรคสอง, 69 วรรคสี่, 102 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐานนำยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 (โคคาอีน) เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 68 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 30 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคสอง, 69 วรรคสี่, 102 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 30 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 20 ปี ริบของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1เดินทางจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ทีจี 773 มายังประเทศไทยและมีโคคาอีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 บรรจุในขวดครีมเทียมจำนวน 2 ขวด น้ำหนัก 928 กรัมคำนวณเป็นโคคาอีนบริสุทธิ์หนัก 785 กรัม อยู่ในกระเป๋าเดินทางตามภาพถ่ายหมาย จ.10, จ.17 และรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางเอกสารหมาย จ.27 (2 แผ่น) คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำผิดดังฟ้องหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมารับฟังได้อย่างมั่นคงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษจริงตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำโคคาอีนซึ่งเป็นของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โคคาอีนที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นของที่มีไว้เป็นความผิดไม่อาจเสียภาษีได้ การที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรนั้นมิใช่เป็นการนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 อีกกระทงหนึ่ง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องโจทก์ในความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share