แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 3 อ้างเหตุว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีหลักฐานทางทะเบียนถูกต้องและเป็นผู้ครอบครองรถในขณะที่นำมาขายในตลาดนัดซื้อขายแลกเปลี่ยนและ มีการซื้อขายมาหลายทอด จำเลยที่ 3 รับซื้อมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต เป็นการซื้อในท้องตลาดจากพ่อค้าผู้ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3 หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ยืมรถยนต์ ๑ คันไปจากโจทก์แล้วได้ปลอมบัตรประจำตัวประชาชนว่าเป็นโจทก์แจ้งความว่าสมุดคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์หายไป ต่อมาจำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนชื่อเป็นของจำเลยที่ ๑ แล้วนำไปขายให้จำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ขายต่อให้จำเลยที่ ๒ โจทก์ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ ๑ และได้ทวงถามจำเลยทั้งสามนำรถยนต์มาคืนโจทก์แล้ว แต่จำเลยทั้งสามไม่ยอมคืน ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่โจทก์ หากไม่ส่งคืนให้ร่วมกันชดใช้ราคา ๙๓,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธความรับผิด ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำรถยนต์เก่าในตลาดตลาดนัดรถยนต์จำเลยที่ ๑ นำรถยนต์คันพิพาทมาเสนอขายให้จำเลยที่ ๓ ณ ตลาดนัดซื้อขายรถยนต์ดังกล่าวโดยมีหลักฐานการจดทะเบียนทางราชการถูกต้อง ต่อมาจำเลยที่ ๓ ขายให้แก่จำเลยที่ ๒แล้วจำเลยที่ ๒ ขายและส่งมอบรถยนต์แก่ผู้อื่นซึ่งเป็นพ่อค้ารับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์เก่า ต่อมาจำเลยที่ ๒ ซื้อรถคันพิพาทกลับคืนมาแล้วโอนขายและส่งมอบแก่จำเลยที่ ๓ ณ ตลาดนัดรถยนต์อีกครั้งหนึ่ง จำเลยที่ ๓ ซื้อมาโดยมีค่าตอบแทนและสุจริตในท้องตลดาหรือพ่อค้าซึ่งซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๒ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เว้นแต่โจทก์จะชดใช้ราคาแก่จำเลยที่ ๓ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๓ รับซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยที่ ๑ โดยสุจริต แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่พ่อค้าขายรถยนต์ในท้องตลาด จำเลยที่ ๓ จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๒ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ร่วมกันคืนรถคันพิพาทให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคา ๙๓,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๓
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๓ ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วแต่ไม่มาศาลตามนัดเพราะจำเลยที่ ๓ ลงวันนัดผิดเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะพิจารณาคดีใหม่ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๓ ไม่มีข้อความตอนใดคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๓ ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสองหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า มาตรา ๒๐๘ ดังกล่าววรรคสองบัญญัติว่า คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลฯลฯ สำหรับในข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลนั้น ปรากฏตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ได้คัดค้านว่าจำเลยที่ ๓ รับซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีหลักฐานทางทะเบียนของทางราชการแสดงว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยถูกต้องและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะที่จำเลยที่ ๑ นำมาขายในตลาดนัดซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ซึ่งมีการซื้อขายต่อกันมาหลายทอด จำเลยที่ ๓ รับซื้อรถยนต์คันพิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตเป็นการซื้อในท้องตลาดจากพ่อค้าผู้ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๒ จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ ๓ ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสองแล้ว และการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ ๓ ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ ๓ ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๓ หรือไม่นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ ๓ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี.