คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3932/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำว่า “ครอบครอง” ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ มิได้หมายความเช่นเดียวกับคำว่า “สิทธิครอบครอง” ตาม ป.พ.พ. แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนเองและครอบครองแทนผู้อื่นด้วย เพราะไม่มีกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้นจึงจะเป็นความผิด อีกทั้งในทางอาญาการร่วมกันครอบครองก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน การที่จำเลยครอบครองไม้หวงห้ามเพื่อนำส่งโรงเลื่อยซึ่งเป็นนายจ้างจึงเป็นความผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 11, 69, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9พระราชบัญญัติ ป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 3, 4พระราชกฤษฎีกา กำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 11 วรรคแรก, 69(2), 73(2) พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2525 มาตรา 3, 4ฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก4 ปี รวมจำคุก 8 ปี ข้อนำสืบจำเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยฎีกาในประการสุดท้ายว่า การที่จำเลยครอบครองไม้ของกลางนั้นไว้แทนโรงเลื่อยซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยจำเลยย่อมไม่มีสิทธิครอบครองไม้ดังกล่าวตามกฎหมายจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการมีไม้ของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเห็นว่า คำว่า “ครอบครอง” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 นั้น หาได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า”สิทธิครอบครอง” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ หากแต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนเองและครอบครองแทนผู้อื่นด้วยทั้งนี้เพราะไม่มีบทกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้นจึงจะเป็นความผิด อีกทั้งในทางอาญาการร่วมกันครอบครองไม้หวงห้ามก็เป็นความผิดเช่นเดียวกันดังนั้นการที่จำเลยครอบครองไม้หวงห้ามเพื่อนำส่งโรงเลื่อยจึงย่อมเป็นความผิดดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน.

Share