คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393-395/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิสูจน์ลายเซ็นในเอกสาร ถ้าผู้เชี่ยวชาญว่าอย่างไรข้ออื่น ๆ เป็นอันไม่โต้เถียงกันนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญส่งผลการพิสูจน์มาแล้วอันตรงกับข้อท้าโจทก์ย่อมจะมาขอถอนคำท้าโดยอ้างลอย ๆ ซึ่งจำเลยมิได้ตกลงด้วยหาได้ไม่ ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ถอนคำท้านั้น

ย่อยาว

คดีสามสำนวนนี้เกี่ยวเนื่องกันศาลจึงสั่งพิจารณารวมกัน
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินมือเปล่าหนึ่งแปลงเป็นของโจทก์ และห้ามจำเลยมิให้ขัดขวาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
สำนวนที่สอง โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
สำนวนที่สาม ขอให้ศาลสั่งว่าที่งอกเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเช่าที่ค้าง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ก่อนลงมือสืบพยาน คู่ความท้ากัน ศาลอนุญาตให้เป็นไปตามคำท้านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เป็นไปตามคำท้า คือ ให้โจทก์เป็นฝ่ายแพ้ ให้โจทก์รื้อเรือนโรงออกไปจากที่ดินพิพาทและใช้ค่าเช่าที่ค้าง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ก่อนสืบพยาน คู่ความต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทว่าเป็นของตน จำเลยอ้างว่าโจทก์ เคยทำสัญญาเช่าจากตน โจทก์ปฏิเสธสัญญาคู่ความเถียงความจริงเท็จของลายมือ จึงได้เกิดท้าให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิสูจน์กันขึ้น ถ้าผู้เชี่ยวชาญว่าอย่างไร ข้ออื่น ๆ ก็เป็นอันไม่โต้เถียงกัน ฉะนั้น การท้ากันในคดีนี้ จึงขึ้นอยู่กับคำผู้เชี่ยวชาญอันเป็นการวินิจฉัยความจริงเท็จของลายมือในเอกสารซึ่งถือว่าเป็นพยานหลักฐานในคดีอันเป็นการดำเนินกระบวนวิธีพิจารณาอย่างหนึ่ง หาใช่นอกเหนือกระบวนวิธีพิจารณาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาอ้างบทกฎหมายมาชอบแล้ว ข้อที่โจทก์อ้างว่าได้ถอนคำท้าก่อนแล้วนั้น เห็นได้ว่า เมื่อศาลได้บันทึกตั้งประเด็นข้อท้าจนเป็นที่พอใจของคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว เมื่อกองวิทยาการกรมตำรวจได้ส่งรายงานผลของการพิสูจน์มาหลายวัน ศาลจึงได้นัดคู่ความมาฟังผลของการพิสูจน์แต่ในวันเดียวกันนั้น ก่อนที่ศาลจะได้แจ้งผลการพิสูจน์ให้คู่ความทราบ โจทก์ก็ชิงขอถอนคำท้าขอให้ศาลสั่งเลิกคำท้าตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อข้อท้าและผลของการพิสูจน์ตรงกับข้อที่ท้า โจทก์จะมาขอถอนดังนี้ ศาลชั้นต้นจึงไม่อนุญาต เพราะการสุจริตหรือทุจริตไม่เกี่ยวกับปัญหาที่จะยกขึ้นว่ากันในชั้นนี้ ทั้งนอกข้อตกลงท้าด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงท้ากันระหว่างโจทก์จำเลยนี้ เกิดขึ้นด้วยความยินยอมด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็เมื่อได้ยินยอมตกลงกันแล้ว เพียงแต่โจทก์ฝ่ายเดียวมาถอนโดยจำเลยมิได้ตกลงด้วยหาได้ไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุที่โจทก์อ้างมาขอถอนการตกลงก็เพียงแต่ว่าการตรวจไม่บริสุทธิ์ใจ เพราะทราบว่าจำเลยมีอิทธิพล เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ หามีหลักฐานสนับสนุนไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ถอนคำท้านั้นก็เป็นการถูกต้องแล้ว
พิพากษายืน

Share