คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

บันทึกระหว่างโจทก์จำเลย เพียงแต่ระบุว่าจำเลยไม่ได้จ่ายเงินค่าจ้างที่จำเลยหักไว้หรือค่าจ้างค้างชำระจำนวน 126,000 บาท ให้โจทก์แล้ว และโจทก์ได้ชำระค่าซื้อรถจำนวน 27,984 บาท ให้จำเลยแล้วเท่านั้น มิได้มีข้อความกล่าวถึงการระงับข้อพิพาทในเรื่องค่าจ้างค้างชำระระหว่างโจทก์จำเลยแต่อย่างใด ทั้งไม่อาจแปลข้อความให้เป็นเช่นนั้นได้ บันทึกดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทเรื่องค่าจ้างค้างชำระ ไม่มีผลทำให้สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยในเงินค่าจ้างค้างชำระของโจทก์ระงับสิ้นไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้าง 144,525 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในเงินต้น 126,000 บาท และค่าทำงานในวันหยุด 48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราเดียว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า หลังจากโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้แล้ว ในระหว่างการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และจำเลยยังไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง โจทก์และจำเลยได้ตกลงยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างกันทั้งหมด โดยจำเลยยอมจ่ายเงินค่าจ้างคืนให้โจทก์ 126,000 บาท ซึ่งโจทก์ได้รับไปเรียบร้อยแล้ว และไม่ติดใจเรียกร้องใดๆ ต่อไปอีกเป็นการประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยจ่ายค่าดอกเบี้ยของเงินค่าจ้างที่จำเลยหักไว้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าทำงานในวันหยุด 48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ซึ่งเป็นวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของเงินค่าจ้างค้างชำระแต่ละเดือนรวม 126,000 บาท นับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้อง แต่ต้องไม่เกิน 18,525 บาท ตามที่โจทก์ขอ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ยของเงินค่าจ้างค้างชำระซึ่งศาลแรงงานกลางให้รับไว้พิจารณาประการเดียวว่า บันทึกเอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทในเรื่องค่าจ้างชำระหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 บัญญัติว่า อันว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นคือสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้กันและกัน บันทึกเอกสารหมาย ล.2 มีข้อความว่า ข้าพเจ้านายสมชาย โชคช่วยอำนวย (โจทก์) ได้รับเงินจากบริษัทเทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด (จำเลย) จำนวน 126,000 บาท เป็นเงินค่าที่บริษัทฯ หักจากเงินเดือนและเงินพักร้อน ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวข้างต้นให้แก่ข้าพเจ้าถูกต้องเรียบร้อย โดยได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ส่วนบันทึกเอกสารหมาย ล.3 มีข้อความว่า ข้าพเจ้านายสมชาย โชคช่วยอำนวย ได้เงินจำนวน 27,984 บาท มาชำระในการซื้อรถให้กับบริษัทเทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เห็นได้ว่าบันทึกดังกล่าวเพียงแต่ระบุว่าจำเลยได้จ่ายเงินค่าจ้างที่จำเลยหักไว้หรือค่าจ้างค้างชำระจำนวน 126,000 บาท ให้โจทก์แล้ว และโจทก์ได้ชำระค่าซื้อรถจำนวน 27,984 บาท ให้จำเลยแล้วเท่านั้น มิได้มีข้อความกล่าวถึงการระงับข้อพิพาทในเรื่องค่าจ้างค้างชำระระหว่างโจทก์จำเลยแต่อย่างใดทั้งไม่อาจแปลข้อความในบันทึกดังกล่าวให้เป็นเช่นนั้นได้ บันทึกเอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 จึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทเรื่องค่าจ้างค้างชำระไม่มีผลทำให้สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ย ในเงินค่าจ้างค้างชำระของโจทก์ระงับสิ้นไป ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share