แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะกระทำผิดจำเลยอายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ แต่ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีจำเลยอายุ 18 ปีเศษแล้ว จึงมิใช่เยาวชนตามความหมายของพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 4ใช้บังคับในขณะฟ้อง คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนตามมาตรา 8(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันพรากเด็กหญิงจริยา ยอมินซึ่งอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารและร่วมกันพาเด็กหญิงจริยาไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง และร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงจริยาซึ่งไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้โดยมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 277,284, 317
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม, 284 วรรคแรก, 317 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษและเมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งทุกกระทงแล้ว รวมโทษจำคุก 29 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสั่งโจทก์ไปฟ้องจำเลยต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาดำเนินการต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ขณะกระทำผิดจำเลยอายุไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ แต่ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยอายุ 18 ปีเศษแล้ว มิใช่เยาวชนตามความหมายของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ. 2494 มาตรา 4 ที่ใช้บังคับในขณะนั้น คดีนี้จึงมิใช่คดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลคดีเด็กและเยาวชนตามมาตรา 8(1)แห่งบทกฎหมายดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ต่อศาลจังหวัดมีนบุรีชอบแล้ว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี