แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ข้อความในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีระบุว่า โจทก์มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในชั้นนี้โจทก์ขอรับเช็คกลับคืนไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่งต่อไปแสดงว่า โจทก์ได้แจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษส่วนข้อความตอนท้ายหมายความว่า นอกจากโจทก์จะมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการกับจำเลยแล้ว โจทก์ยังประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยโดยเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองอีกส่วนหนึ่งด้วย การที่โจทก์ขอรับเช็คกลับคืนไปไม่มีผลกระทบต่อการแจ้งความร้องทุกข์ จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) โจทก์แจ้งความร้องทุกข์ในเวลาไม่เกิน 3 เดือน นับแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค และนำคดีมาฟ้องภายในกำหนด 5 ปีคดีไม่ขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3จำคุก 6 เดือน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาสำเหร่ เลขที่ 378102ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2528 สั่งจ่ายเงินจำนวน 38,000 บาท โดยมีจำเลยเป็นผู้ลงนามสั่งจ่าย ปรากฏตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้จัดการเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2528 โดยให้เหตุผลว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่ายปรากฏตามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.2 ในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในบัญชีของจำเลยมีเงินอยู่เพียง 205 บาทโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2528ปรากฏตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.3
ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะการที่โจทก์อ้างว่าได้ร้องทุกข์ภายในอายุความ ไม่เป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมายนั้นข้อความในเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งเป็นรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีมีใจความสำคัญว่า โจทก์มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจนกว่าคดีถึงที่สุด ในชั้นนี้โจทก์ขอรับเช็คกลับคืนไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่งต่อไป เห็นว่า ข้อความในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.3 ในตอนต้นระบุว่า มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยจนกว่าคดีจะถึงที่สุด แสดงว่าโจทก์ได้แจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ ซึ่งร้อยตำรวจเอกเฉลิม เย็นสำราญ พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้รับแจ้งความร้องทุกข์จากโจทก์ก็เบิกความว่า โจทก์มาร้องทุกข์โดยประสงค์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยจนถึงที่สุด แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกเฉลิมประกอบกับข้อความในเอกสารหมาย จ.3 ตอนท้ายว่า ในวันแจ้งความโจทก์ได้รับเช็คกลับคืนไปเพื่อฟ้องคดีอาญากับจำเลยเองก็ตาม แต่ข้อความในเอกสารหมาย จ.3ตอนสุดท้ายนั่นเองระบุว่า ขอรับเช็คกลับคืนไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่งต่อไป ซึ่งหมายความว่านอกจากโจทก์จะมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการกับจำเลยแล้ว โจทก์ยังประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยโดยเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองอีกส่วนหนึ่งด้วย มิใช่เป็นข้อความที่แสดงว่ายังไม่มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ การที่โจทก์ขอรับเช็คกลับคืนไปจึงไม่มีผลกระทบต่อการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด ดังนั้น ข้อความในเอกสารหมาย จ.3 จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) แล้ว เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ 5 สิงหาคม 2528 โจทก์มาแจ้งความร้องทุกข์วันที่ 13 ตุลาคม 2528 ซึ่งเป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่13 พฤษภาคม 2529 ภายในกำหนด 5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน หนักไป เห็นสมควรกำหนดโทษจำเลยใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์