แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท ธ. ได้ขอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวโดยให้ ม. เป็นนายหน้า ต่อมา ม. นำเอกสารให้โจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือในหนังสือมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความ และโจทก์ยังได้มอบโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่ ม. ไปจนกระทั่งมีการกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ส. มีอำนาจจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทได้ เป็นการกระทำที่เปิดโอกาสให้บุคคลอื่นนำหนังสือมอบอำนาจไปใช้จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทแก่จำเลยตามพฤติการณ์ของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทกระทำดังกล่าว ถือว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จึงไม่อาจอ้างความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นมูลเหตุฟ้องร้องจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนเพื่อให้ตนพ้นความรับผิด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 25664 และ 32463 จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน กับให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินคืนโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยถึงแก่กรรม นางบุญนาค รัตนสุนทร ผู้จัดการมรดกของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นายทอน ศิริวงศ์ ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทดังกล่าวได้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์นำสืบเพียงว่าได้พิมพ์ลายนิ้วมือในหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.8 โดยขณะนั้นยังไม่มีการกรอกข้อความไว้และเข้าใจว่าเป็นใบรับเงินมัดจำที่นายธนัทตกลงซื้อที่ดินพิพาทและได้มอบหนังสือมอบอำนาจกับโฉนดที่ดินพิพาทให้นายมาไป ต่อมาจึงทราบว่ามีการมอบอำนาจให้นางสุวพันธ์ ดำคำ เป็นผู้รับมอบอำนาจไปดำเนินการจดทะเบียนจำนองแทนทั้งโจทก์และจำเลย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติกรรมอย่างไรที่ส่อแสดงถึงความไม่สุจริตหรือบ่งชี้ได้ว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว โดยที่นางสุวพันธ์ซึ่งมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ก็ยังเบิกความว่า ไม่เคยรู้จักทั้งโจทก์และจำเลยมาก่อน แม้นางสุวพันธ์จะเบิกความว่าหลังเกิดเหตุจำเลยเคยติดต่อกับนายธนัทและให้นายธนัทใช้รถยนต์ก็ยังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยสมคบกับนายธนัทนำที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่จำเลย คงรับฟังได้เพียงว่า จำเลยรู้จักกับนายธนัทเท่านั้น ทางนำสืบของโจทก์ของโจทก์ไม่อาจพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าจำเลยสมคบกับนายธนัท และนางสุวพันธ์ จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทโดยไม่สุจริต ส่วนเรื่องราคาที่ดินที่โจทก์อ้างว่ามีราคาจริงเพียง 280,000 บาท เท่านั้น ซึ่งต่างจากราคาจำนองมาก แสดงว่าจำเลยไม่สุจริตนั้น เห็นว่า ได้ความจากนายอุดม จันทรปรีชา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาสันป่าตอง พยานโจทก์เบิกความว่า ในช่วงปี 2538 นั้น มีการซื้อขายที่ดินกันมาก ราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดสูงกว่าราคาประเมินของสำนักงานที่ดินมากจึงฟังไม่ได้ว่าราคาที่รับจำนองที่ดินพิพาทสูงเกินความจริงไปมากดังที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์ฎีกาว่าใบรับเงินตามเอกสารหมาย ล.3 ซึ่งมีข้อความระบุว่า นายธนัทได้รับเงินแล้วปรากฏว่า เอกสารดังกล่าวลงวันที่ 28 สิงหาคม 2538 ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนมีการจดทะเบียนจำนองถึง 2 วัน แต่ทางนำสืบของจำเลย นางบุญนาคเบิกความว่า จำเลยได้จ่ายเงินให้แก่นายธนัทภายหลังจากมีการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาท จึงขัดแย้งกัน ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนองโดยมีค่าตอบแทนให้แก่นายธนัท เห็นว่า ใบรับเงินตามเอกสารหมาย ล.3 ได้ทำขึ้นเป็นหลักฐานรับรองการจ่ายตั๋วเงินตามเอกสารหมาย ล.2 แสดงว่านายธนัทได้รับเงินจากจำเลยแล้วจริง แม้นางบุญนาคจะเบิกความแตกต่างเรื่องรับเงินก่อนหรือหลังวันจดทะเบียนจำนองไปบ้างซึ่งอาจเป็นเพราะนางบุญนาคจำสับสน แต่ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญถึงกับทำให้พยานเอกสารดังกล่าวรับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าจำเลยรับจำนองที่ดินพิพาททั้งที่นายธนัทยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ เป็นพฤติการณ์ที่ผิดปกติวิสัย เห็นว่า ตามพฤติการณ์ของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทพิมพ์ลายนิ้วมือในหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.8 โดยมิได้กรอกข้อความทั้งยังได้มอบโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่นายมาไปจนกระทั่งต่อมามีผู้กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวว่าโจทก์มอบอำนาจให้นางสุวพันธ์มีอำนาจจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทได้ เป็นการกระทำที่เปิดโอกาสให้บุคคลอื่นนำเอกสารเหล่านั้นไปใช้จดทะเบียนจำนองแก่จำเลย ถือว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จึงไม่อาจอ้างความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นมูลฟ้องร้องจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองโดยสุจริตเพื่อให้ตนพ้นความรับผิดได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน