แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายเคยให้เงินโจทก์บางเดือน เดือนละประมาณ 1,000 บาท ถึง 1,500 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก โดยให้ในช่วงผู้ตายได้งานทำในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี การให้ดังกล่าวเห็นได้ว่าเป็นเพียงแต่ทำให้โจทก์ได้รับความสะดวกสบายในชีวิตครอบครัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์ต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่ได้รับเงินจากผู้ตายในบางเดือน การที่โจทก์ได้รับเงินจากผู้ตายดังกล่าวจึงไม่ถึงขั้นที่จะถือว่าโจทก์อยู่ในความอุปการะของผู้ตายตามความหมายของ พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 20 วรรคท้าย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนที่ 223/2544 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2544 และให้โจทก์ได้รับเงินทดแทนตามกฎหมาย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เป็นพี่สาวร่วมบิดามารดาเดียวกับนายเวียด ผู้ตาย บิดามารดาของโจทก์ถึงแก่ความตายไปหลายปีแล้ว นายเวียดยังไม่มีภริยาและบุตร นายเวียดเข้าทำงานเป็นพนักงานขับรถของบริษัทส่องแสงขนส่ง จำกัด ต่อมานายเวียดถูกรถยนต์ชนจนถึงแก่ความตาย โจทก์เป็นผู้จัดการศพ หลังจากนั้นได้ยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทน จำเลยจ่ายค่าจัดการศพให้จำนวน 16,500 บาท ส่วนเงินทดแทนรายเดือนจำนวน 504,000 บาท จำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเพราะไม่ใช่ผู้อยู่ในอุปการะของนายเวียดก่อนตาย โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน แต่คณะกรรมการดังกล่าววินิจฉัยยืนตามจำเลย คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า โจทก์อยู่ในอุปการะของผู้ตาย อันจะเป็นเหตุให้ได้รับเงินทดแทนหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 20 วรรคท้าย บัญญัติว่า “ในกรณีที่ไม่มีผู้มีสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนแก่ผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะของลูกจ้างก่อนลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหาย แต่ผู้อยู่ในอุปการะดังกล่าวจะต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดอุปการะจากลูกจ้างที่ตายหรือสูญหาย” ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังปรากฏว่า โจทก์อยู่กินกับสามี มีบุตรด้วยกัน 4 คน โจทก์มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนสามีมีอาชีพรับจ้างขับรถ บุตรคนโตประกอบอาชีพแล้ว โจทก์กำลังส่งเสียบุตรให้ได้รับการศึกษาอีก 3 คน และก่อนที่นายเวียดผู้ตายจะได้งานขับรถทำที่บริษัทส่องแสงขนส่ง จำกัด เคยอยู่ในความอุปการะของโจทก์ เพราะบิดามารดาผู้ตายถึงแก่ความตายไปก่อนแล้ว ภายหลังผู้ตายได้งานทำ ผู้ตายจึงนำเงินมาให้โจทก์บ้างเป็นบางเดือน เห็นว่า ผู้ตายเคยให้เงินโจทก์บางเดือน เดือนละประมาณ 1,000 บาท ถึง 1,500 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก โดยให้ในช่วงผู้ตายได้งานทำในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี การให้ดังกล่าวเห็นได้ว่าเป็นเพียงแต่ทำให้โจทก์ได้รับความสะดวกสบายในชีวิตครอบครัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์ต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่ได้รับเงินจากผู้ตายในบางเดือน ฉะนั้น การที่โจทก์ได้รับเงินจากผู้ตายดังกล่าวจึงยังไม่ถึงขั้นที่จะถือว่าโจทก์อยู่ในอุปการะของผู้ตายในความหมายของพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 20 วรรคท้าย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน คำพิพากษาศาลแรงงานกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.