คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโดยมิได้กำหนดว่าคดีของโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์และเรียกให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามราคาที่ดินพิพาท จนกระทั่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา รวมทั้งมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ขึ้นมา ล้วนแต่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดหลง ทำให้โจทก์เข้าใจผิดว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบและโจทก์สามารถอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาเห็นควรให้โอกาสแก่โจทก์ในการดำเนินการขอให้รับรองอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือให้ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง และให้ศาลชั้นต้นพิจารณามีคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 797 ของโจทก์ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับที่ดินอีกต่อไป ให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 37/1 และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนบ้าน สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 3,000 บาท แทนจำเลย คืนค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 797 ห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยได้รับการยกให้และส่งมอบการครอบครองจากนางลา ผู้เป็นมารดา อันเป็นการกล่าวแก้ข้อพิพาทว่าที่ดินพิพาทเป็นของตน จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ โดยถือทุนทรัพย์เท่ากับราคาที่ดินพิพาท ซึ่งโจทก์ประเมินราคาที่ดินพิพาทตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นเงิน 34,400 บาท ดังนี้ ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์จึงไม่เกิน 50,000 บาท ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทและโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาโดยไม่สุจริตและฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์ ซึ่งโจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทโดยโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์มาจึงไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโดยมิได้กำหนดว่าคดีของโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเรียกให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามราคาที่ดินพิพาท จนกระทั่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา รวมทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ขึ้นมา ล้วนแต่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดหลง ทำให้โจทก์เข้าใจผิดว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบและโจทก์สามารถอุทธรณ์ได้ ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาเห็นควรให้โอกาสแก่โจทก์ในการดำเนินการขอให้รับรองอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือให้ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง และให้ศาลชั้นต้นพิจารณามีคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไป
อนึ่ง เมื่อคดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์จึงแก้ไขกำหนดค่าทนายความที่โจทก์ต้องรับผิดในศาลชั้นต้นให้ถูกต้อง
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับอุทธรณ์ของโจทก์และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นแจ้งโจทก์ว่าจะดำเนินการเรื่องการรับรองอุทธรณ์หรือการอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง หรือไม่ แล้วพิจารณามีคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไป คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่โจทก์ ส่วนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาแล้วแต่กรณี และกำหนด ค่าทนายความที่โจทก์ต้องใช้แทนจำเลยในศาลชั้นต้นให้ 3,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากนี้ให้เป็นพับ

Share