คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นทนายความของโจทก์ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้มอบเงินให้จำเลยไว้เพื่อส่งมอบแก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษา เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีหนี้ใด ๆ ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยเงินจำนวนดังกล่าว ตรงกันข้ามจำเลยกลับมีหน้าที่ต้องกระทำการส่งมอบเงินนั้นแก่โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินนี้ไว้เพื่อชำระค่าจ้างว่าความที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ติดค้างอยู่ได้ต้องคืนเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 62,600 บาทบาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ได้แต่งตั้งให้จำเลยเป็นทนายความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9389-9391/2516 ของศาลแพ่งระหว่าง นายสุรพงษ์ มโนมัยพันธ์ กับพวกโจทก์ นายบัว สีสดงาม(โจทก์คดีนี้) กับพวก จำเลย คดีดังกล่าว ศาลฎีกาพิพากษาให้นายสุรพงษ์มโนมัยพันธ์ ชดใช้เงินแก่โจทก์คดีนี้เป็นเงินจำนวนหนึ่งซึ่งนายสุรพงษ์ได้มอบเงินจำนวน 62,600 บาท ให้จำเลยไว้ในฐานะทนายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยคงมีว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงเงิน 62,600 บาทไว้หรือไม่ พิเคราะห์เห็นว่า การที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินใดของบุคคลอื่นที่จำเลยครอบครองไว้ ต้องปรากฏว่ามีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองอยู่นั้น ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 241 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ตามข้อเท็จจริงของคดี นายสุรพงษ์ได้มอบเงินจำนวน 62,600 บาทนี้ให้จำเลยไว้เพื่อส่งมอบแก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษา เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีหนี้ใด ๆ ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยเงินจำนวนดังกล่าว ตรงกับข้ามจำเลยกลับมีหน้าที่ต้องกระทำการส่งมอบเงินนั้นแก่โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดหน่วงเงินนี้ไว้เพื่อชำระค่าจ้างว่าความที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ติดค้างอยู่ได้ ที่ศาลล่างให้งดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน 62,600 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share