คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ของรัฐ ภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับแล้ว ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐประเภทสาธารณประโยชน์แปลงเดียวกัน โดยบุกรุกตั้งแต่ก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ฯ ใช้บังคับ อันเป็นความผิดที่มีองค์ประกอบแต่งต่างกันกล่าวคือ ความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ฯ ใช้บังคับจะมีความผิดต่อเมื่อได้รับคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ออกจากที่ดินแล้วไม่ยอมออก ส่วนความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ฯ มีผลใช้บังคับ ผู้บุกรุกมีความผิดในทันทีที่บุกรุกที่ดินของรัฐ การกระทำความผิดของจำเลยในคดีก่อนกับในคดีนี้จึงไม่ใช่ความผิดกรรมเดียวกันฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108,ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับ 1,000บาท ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยในข้อหาเดียวกันในที่ดินพิพาทเดียวกันกับคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว โดยวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองหนองปายตีน ก็เนื่องจากจำเลยเข้าใจว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งได้รับส่วนแบ่งมาจากนางต่ำมารดาจำเลยการกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนา จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ปรากฎตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่1129/2528 คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าวพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1129/2528 กับคดีนี้ แม้โจทก์ฟ้องจำเลยคนเดียวกันก็ตาม แต่ในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1129/2528โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ของรัฐภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่29 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับแล้ว กล่าวคือเมื่อระหว่างวันที่9 มีนาคม 2528 ถึงวันที่ 4 กันยายน 2528 จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ หนองดินปลาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐประเภทสาธารณประโยชน์โดยบุกรุกเข้าไปตั้งแต่ปี 2507 ซึ่งเป็นวันก่อนวันที่ประกาศของคณะปฎิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับ จำเลยได้รับคำสั่งของนายอำเภอชุมพลบุรี ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินสาธารณประโยชน์แล้วจำเลยไม่ยอมออก อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 และมาตรา 108 ทวิ มีองค์ประกอบแตกต่างกัน ความผิดตามมาตรา 108 ผู้บุกรุกที่ดินของรัฐก่อนวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับ จะมีความผิดต่อเมื่อได้รับคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ออกจากที่ดินแล้วไม่ยอมออก ส่วนความผิดตามมาตรา 108 ทวิ เป็นกรณีที่บุกรุกที่ดินของรัฐภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 มีผลใช้บังคับแล้ว ซึ่งบัญญัติให้ผู้บุกรุกมีความผิดในทันทีที่บุกรุกที่ดินของรัฐ การกระทำความผิดของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1129/2528 กับในคดีนี้จึงไม่ใช่ความผิดกรรมเดียวกัน ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนที่กล่าวข้างต้น”
พิพากษายืน

Share