คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3913/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยมีใจความเพียงว่า ขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยังวินิจฉัยคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและความเป็นจริงอยู่หลายประเด็น จำเลยยังไม่สามารถนำเอกสารคำให้การพยานโจทก์ มาเสนอศาลได้ ขอทำฎีกาย่อเพื่อขอขยายเวลาอีก 60 วัน ไม่ได้ระบุ ข้อเท็จจริงโดยย่อว่าประเด็นใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร จึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนพกสั้นออโตเมติกซึ่งใช้ยิงได้และไม่มีหมายเลขของเจ้าพนักงาน ๑ กระบอก พร้อมซองกระสุน ๑ ซองและกระสุนปืนขนาด .๓๒ มิลลิเมตร จำนวน ๗ นัดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก ๑ คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวจี้ขู่เข็ญว่าจะยิงนายเฉลียวผู้เสียหายและภรรยาของผู้เสียหายให้ตาย แล้วชิงเอาเทปวิทยุ ๑ เครื่องของนายสุรชัยซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดอุบลราชธานี) ให้ลงโทษฐานรับของโจร จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ภายในเวลาสามปีนับแต่วันพ้นโทษจำเลยกลับมากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๓๔๐ ตรี, ๘๓, ๙๑, ๙๓, ๓๒, ๓๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒,๑๔, ๑๕ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓, ๖, ๗ และให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี จำคุก ๑๕ ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๓ จำคุก ๒๒ ปี ๖ เดือน และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ จำคุก ๑ ปี ตามมาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ จำคุก ๖ เดือน รวมเป็นโทษจำคุก ๒๔ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๖ ปี ริบปืนและกระสุนของกลางให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมานั้นมีใจความสาระสำคัญว่า “ขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยังวินิจฉัยคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและความเป็นจริงอยู่หลายประเด็น จำเลยยังไม่สามารถนำเอกสารคำให้การพยานโจทก์มาเสนอศาลได้ ขอทำฎีกาย่อเพื่อขยายเวลาอีก ๖๐ วัน” โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อเลยว่าประเด็นใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร ส่วนฎีกาฉบับที่จำเลยยื่นมาภายหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่จะยื่นฎีกาได้ จำเลยก็แถลงประกอบขอให้ศาลชั้นต้นรับเป็นเพียงคำแถลงการณ์เท่านั้น ฉะนั้นฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๓ วรรค ๒ ประกอบด้วย มาตรา ๒๒๕ และมาตรา ๒๑๖ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share