คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ทีทำการตรวจคนเข้าเมืองทีใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่า เป็นตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เช่นนี้ถือว่า ในข้อสถานที่เกิดเหตุ ทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด ลงโทษตามฟ้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจช่วยเหลือพาคนต่างด้าวสองคนจากประเทศลาวเข้ามาในราชอาณาจักรไท เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ช่วยเหลือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๖๒ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๑ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยได้ช่วยเหลือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุในทางพิจารณาแตกต่างกับสถานที่เกิดเหตุในฟ้องโดยศาลอุทธรณ์ถือว่า เหตุเกิดที่ตำบลวัดธาตุ ซึ่งโจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง และจำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ จึงเป็นการหลงข้อต่อสู้ ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีข้อหาว่า จำเลยช่วยเหลือพาคนต่างด้าวลอบเข้าเมืองมาทางด้านจังหวัดหนองคาย จะเข้ามาถึงที่แรกที่ตำบลอะไรไม่ปรากฏในฟ้อง แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องต่อไปว่า จำเลยไม่พาไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุด อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แล้วจึงระบุในฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ครั้นศาลพิจารณาคดีแล้ว ปรากฏว่า จำเลยช่วยเหลือพาคนต่างด้าวลอบเข้ามาแถวท่าวัดธาติในเขตท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งตามกฎหมายจะต้องให้ผ่านการตรวจของเจ้าพนักงาน ถ้ายังไม่ผ่านการตรวจก็ต้องไปรายงานตัวเจ้าพนักงานที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด อันได้แก่ด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง แต่จำเลยกลับพาคนต่างด้าวหลบไปและถูกตำรวจจับที่ตำบลวัดธาติ ห่างจากด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ตำบลในเมืองประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ดังนี้จะถือว่าสถานที่เกิดเหตุที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับสถานที่เกิดเหตุที่โจทก์กล่าวในฟ้องหาได้ไม่
ศาลฎีกาเห็นต่อไปว่า ตำบลในเมืองกับตำบลวัดธาตุก็อยู่ในเขตท้องที่อำเภอเมืองหนองคาย และจังหวัดหนองคายด้วยกัน ประกอบกับโจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยช่วยเหลือพาคนต่างด้าวลอบเข้าเมืองมาทางด้านจังหวัดหนองคาย พิจารณาก็ได้ความเช่นนั้นถูกต้องแล้ว จำเลยไม่พาไปให้รายงานตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด ด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้นก็ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง ซึ่งถูกต้องตรงกับสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง แม้จะปรากฏในทางพิจารณาว่า จับจำเลยได้ที่ตำบลอื่น และจะถือว่าตรงที่จับได้เป็นสถานที่เกิดเหตุซึ่งต่างกับที่กล่าวในฟ้องก็ดี ก็ไม่ใช่แตกต่างกันในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้อย่างใด คดีชอบที่จะลงโทษไปได้ตามความผิดที่พิจารณาได้ความเป็นยุติอยู่แล้วนั้น
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share