คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3910/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ปรากฏในบัญชีเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ทำไว้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คนั้น เป็นแต่เพียงหลักฐานที่ลูกหนี้ทำไว้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจของตน มิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ว่าลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ และยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นต่อเจ้าหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172ส่วนการที่เจ้าหนี้ได้นำเช็คไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินต่อบริษัท ส.เมื่อได้ความว่าบริษัทส. ไม่ได้เป็นตัวแทนของลูกหนี้ กรณีจึงมิใช่เป็นการกระทำของลูกหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม มาตรา 172

ย่อยาว

ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดตามคำร้องขอของผู้ชำระบัญชี เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามเช็คจำนวน 800,000 บาทเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสนอความเห็นว่าควรยกคำขอรับชำระหนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอ เจ้าหนี้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยว่า หนี้ตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 ขาดอายุความแล้วหรือไม่ เจ้าหนี้ฎีกาในข้อแรกว่าลูกหนี้ทำเอกสารทางบัญชีไว้ก่อนล้มละลายว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คฉบับดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง ศาลฎีกาเห็นว่า บัญชีเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ทำไว้ว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 ตามที่นายเติมศักดิ์ กฤษณามระ ผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเป็นแต่เพียงหลักฐานที่ลูกหนี้ทำไว้เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจของตนมิใช่กระทำต่อเจ้าหนี้ว่าลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ และยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นต่อเจ้าหนี้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ข้ออ้างของเจ้าหนี้ในข้อแรกนี้จึงฟังไม่ขึ้น เจ้าหนี้ฎีกาในข้อที่สองว่า เจ้าหนี้ได้นำเช็คตามเอกสารหมาย จ.1 ไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินต่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหธนกิจไทย จำกัด เมื่อวันที่15 ธันวาคม 2526 ตามเอกสารหมาย จ.3 จึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงด้วยนั้น เห็นว่า คดีไม่ได้ความว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหธนกิจไทย จำกัด เป็นตัวแทนของลูกหนี้แต่กลับปรากฏตามหนังสือแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินที่เจ้าหนี้ยื่นต่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหธนกิจไทย จำกัดเอกสารในสำนวนคำขอรับชำระหนี้รายที่ 22 อันดับที่ 11/5 ว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหธนกิจไทย จำกัด ทรงสิทธิอย่างเต็มที่และอย่างเด็ดขาดที่จะไม่รับเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ ซึ่งแสดงว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหธนกิจไทย จำกัดมิได้เป็นตัวแทนของลูกหนี้แต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นการทำการของลูกหนี้ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 บัญญัติไว้ฎีกาของเจ้าหนี้ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share