คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้รอฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลคดีถึงที่สุดในคดีอื่น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ส่วนการที่ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ด้วยว่าให้จำหน่ายคดีชั่วคราว เมื่อคดีอื่นที่รอฟังผลนั้นถึงที่สุดเมื่อใด ให้โจทก์แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบเพื่อจะได้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น ก็ต้องถือว่าเป็นการจำหน่ายคดีที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไป โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวอีกเช่นกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยได้เอาความอันเป็นเท็จยื่นฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1475/2528 หมายเลขแดงที่ 1956/2528 ต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 60,000 บาท เพื่อชำระหนี้แก่จำเลย จำเลยจึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้นตามกฎหมาย ความจริงจำเลยทราบดีว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คของโจทก์ออกให้ผู้อื่นเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และผู้ทรงเช็คที่แท้จริงคือผู้อื่น หาใช่จำเลยไม่ และจำเลยได้เบิกความเท็จในคดีเดียวกันนี้ว่าโจทก์ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน60,000 บาท เพื่อชำระหนี้แก่จำเลยเป็นการส่วนตัวไม่ใช่ในฐานะเป็นตัวแทนของผู้อื่น ข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ความจริงเช็คดังกล่าวเป็นประกันหนี้ผู้อื่นไม่ใช่ชำระหนี้แก่จำเลยเป็นการส่วนตัว จำเลยจึงมิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบที่จะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175, 177, 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้มีมูลสืบเนื่องมาแต่คดีหมายเลขแดงที่ 1956/2528 ของศาลชั้นต้นที่จำเลยยื่นฟ้องและเข้าเบิกความ คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวมีผลเกี่ยวพันถึงข้อเท็จจริงในคดีนี้ จึงให้รอฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของคดีนี้ไว้ และให้จำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบความชั่วคราวเมื่อคดีหมายเลขแดงที่ 1956/2528 ของศาลชั้นต้นถึงที่สุดเมื่อใดให้โจทก์แถลงศาลภายใน 15 วันเพื่อยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งไว้โดยให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้รอฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลคดีถึงที่สุดในคดีอื่น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ส่วนการที่ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ด้วยว่าให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เมื่อคดีอื่นที่รอฟังผลนั้นถึงที่สุดเมื่อใด ให้โจทก์แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบ เพื่อจะได้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไปนั้น ก็ต้องถือว่าเป็นการจำหน่ายคดีที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไป โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวอีกเช่นกัน คำพิพากษาฎีกาที่ 1262/2504 ที่โจทก์อ้างมานั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นมิได้รับฟังของโจทก์ไว้พิจารณาและไม่มีการไต่สวนมูลฟ้องแต่อย่างใด คงสั่งแต่ให้รอฟังผลคดีอื่นก่อนเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share