คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ว. ให้รับผิดใช้เงินตามเช็คที่ ว. สั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยให้การว่าโจทก์ฟ้องเมื่อพ้น 1 ปีนับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขาดอายุความศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สิทธิฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คในทางแพ่งจึงน่าจะมีอายุความ 5 ปี ทั้งเป็นการออกเช็คเนื่องจากการกู้เงินจึงมีอายุความ 10 ปี ดังนี้ ในชั้นอุทธรณ์ไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเรื่องขยายอายุความตามมาตรา 186 และปัญหาว่าอายุความขยายตามมาตรานี้หรือไม่ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อ ว.ถึงแก่ความตายอายุความที่เป็นโทษแก่ ว. ซึ่งจะขาดลงภายในเวลาต่ำกว่า 1 ปี นับแต่วัน ว. ตาย ย่อมขยายออกไปเป็น 1 ปี นับแต่วันตายตามมาตรา 186 คดีจึงไม่ขาดอายุความ จึงเป็นการนอกประเด็น
กรณีดังกล่าวเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่โดยศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่โจทก์อุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายวิชา ณ เชียงใหม่ สามีจำเลยออกเช็คลงวันที่ 2 มกราคม2516 สั่งจ่ายเงิน 30,000 บาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืม แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2516 นายวิชาตายและบัดนี้จะครบ 1 ปีแล้วโจทก์ยังติดต่อกับจำเลย ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลย โดยโจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินในวันที่สั่งจ่ายและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันนั้น แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2517 จึงขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์บรรยายไว้แล้วว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว สิทธิฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คในทางแพ่งจึงน่าจะมีอายุความ 5 ปีเช่นเดียวกับในทางอาญา ทั้งนายวิชาออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมจึงมีอายุความ 10 ปี

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อนายวิชาถึงแก่ความตายอายุความที่เป็นโทษแก่นายวิชาจะขาดลงภายในเวลาต่ำกว่า 1 ปี นับแต่วันที่นายวิชาตายย่อมขยายออกไปเป็น 1 ปีนับแต่วันตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186คดีจึงไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ต่อไป

จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะหยิบยกประเด็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 ขึ้นวินิจฉัย และสิทธิเรียกร้องตามมาตราดังกล่าวหมายถึงการเป็นคุณหรือเป็นโทษของเจ้าหนี้ ไม่ใช่ของลูกหนี้ ชอบที่จะบังคับตามมาตรา 1002

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์เป็นประเด็นให้วินิจฉัยว่าโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สิทธิฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คในทางแพ่งจึงน่าจะมีอายุความ 5 ปี ทั้งเป็นการออกเช็คเนื่องมาจากการกู้ยืมเงินจึงมีอายุความ 10 ปี ในชั้นอุทธรณ์จึงไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเรื่องการขยายอายุความตามมาตรา 186 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันปัญหาว่าอายุความขยายตามมาตรา 186 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่นั้นไม่ใช่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ ศาลอุทธรณ์หยิบยกมาตรา 186 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น ศาลฎีกาเห็นควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาอีก ข้อหนึ่งของจำเลยแต่อย่างใด

พิพากษาว่าให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามประเด็น

Share