คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นป่าจากบุคคลอื่นมา 2 ปีแล้ว เข้าไปยึดถือครอบครองปลูกปอในที่นั้นย่อมเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 และความผิดในฐานนี้เป็นความผิดที่ทำต่อเนื่องกันเรื่อยไป
จำเลยครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตต่อเนื่องกันเรื่อยมา และนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ไปพบการยึดถือครอบครองของจำเลยจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจแผ้วถางป่าไม้ที่ยังไม่เคยถูกแผ้วถางมาก่อนเป็นจำนวน ๔ ไร่ และได้เข้ายึดถือครอบครองก่นสร้างและเผาทำเป็นไร่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๕๔, ๕๕, ๗๒ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๑๘ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๙, ๑๐๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๑, ๑๔, ๑๖, ๑๗
จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อที่จากนายทาทำเป็นไร่ จำเลยไม่ควรมีความผิดตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยมิได้แผ้วถางป่าดังฟ้อง แต่ฟังว่าจำเลยได้ยึดถือครอบครองที่ดินรายนี้ไว้ทำเป็นไร่โดยมิได้รับอนุญาต พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘ ปรับจำเลย ๒๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อตามคำพยานจำเลยว่า จำเลยซื้อและเข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทมาประมาณ ๒ ปี และวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา ๑๐๘ อันมีกำหนดโทษสถานเดียว ปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท มีอายุความต้องฟ้องภายใน ๑ ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๕ (๕) ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๙, ๑๐๘ เป็นการเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะฉะนั้นจึงเป็นความผิดสำเร็จเด็ดขาดเมื่อเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วจำเลยยังคงยึดถือครอบครองต่อเรื่อยมา ไม่เป็นความผิดต่อเนื่องเรื่อยมา เพราะไม่เป็นการอันเป็นผิด คือ การเข้าไปต่อเรื่อยมาอีก เมื่อนับวันที่จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองมาจนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน ๑ ปีแล้ว คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นป่าจากนายทามา ๒ ปีแล้ว เข้ายึดถือครอบครองปลูกปแในที่นั้น เป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ ฯลฯ และเห็นว่า นับจากวันที่เจ้าพนักงานไปพบการยึดถือครอบครองของจำเลยจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาไม่เกิน ๑ ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นับแต่วันที่จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครอง คือซื้อจากนายทาแต่แรกมาจนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน ๑ ปี คดีของโจทก์ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะความผิดของจำเลยเป็นความผิดที่กระทำต่อเนื่องกันเรื่อยไป พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น

Share