คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อน โจทก์ทำหนังสืออนุญาตให้ภรรยาดำเนิรการฟ้องร้องคดีแทนตนจนคดีถึงที่สุด และโจทก์ยอมรับผิดชอบร่วมกับภรรยาทุกประการ ภรรยาได้ดำเนินการฟ้องร้องจำเลย และได้ทำปราณีประนอมยอมความกับจำเลย จนศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปตามยอมนั้นแล้วโจทก์จะนำคดีเช่นเดียวกันนั้นมาฟ้องจำเลย ขึ้นอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนเท่ากับโจทก์ฟ้องด้วยตนเอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนขายที่นาให้โจทก์ตามคำมั่น
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องซ้ำคดีนี้กับคดีแดงที่ ๘๘/๒๔๘๗
ได้ความว่าในคดีก่อนนางเรียงภรรยาโจทก์เคยฟ้องจำเลยตามสำนวนแพ่งแดงที่ ๘๘/๒๔๘๗ มีข้อความเช่นเดียวกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์อนุญาตให้นางเรียงดำเนินคดีฟ้องร้องจนคดีถึงที่สุดโดยโจทก์ขอรับผิดชอบร่วมด้วยทุกประการคดีนั้นนางเรียงได้ปราณีประนอมยอมความกับจำเลย โดยนางเรียงยอมรับใช้เงินและข้างเปลือก แล้วให้ที่มาเป็นสิทธิ์แก่จำเลยตามเดิม ศาลพิพากษาเด็ดขาดไปตามยอมนั้นแล้ว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่าเป็นฟ้องซ้ำ คดีก่อนต้องถือว่าโจทก์เป็นความกับจำเลยด้วยและไม่ใช่เรื่องตัวการตัวแทน ทั้งไม่ต้องระบุอำนาจทางจำหน่ายสิทธิไว้แต่อย่างใด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ในการฟ้องคดีก่อนโจทก์ได้ทำหนังสืออนุญาตให้นางเรียงดำเนินคดีมีข้อความดังนี้
“เนื่องจากฉันและนางเรียงมีความจำเป็นต้องฟ้องนายบรรณบูรณ์ไทยเป็นจำเลย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่นาตามที่ตกลงซื้อขายกันไว้ให้แก่ฉันและภรรยาต่อไปแต่ฉันมีกิจจำเป็นจะมาดำเนินดคีด้วยตนเองไม่ได้ ฉันจึงมอบให้นางเรียงภรรยาดำเนินการฟ้องคดีแทนฉันจนคดีถึงที่สุด โดยฉันขอรับผิดชอบร่วมกับนางเรียงภรรยาด้วยทุกประการ”
ฉะนั้นในคดีก่อนก็เท่ากับ โจทก์ได้ฟ้องด้วยตนเองเพราะได้มอบอำนาจให้นางเรียงฟ้องแทนโจทก์จึงต้องรับผิดชอบเท่ากับนางเรียงในคดีก่อน เมื่อคดีก่อนเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องคดีมีขึ้นอีกหาได้ไม่ เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายืนยกฟ้อง

Share