แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้หยิบ เมทแอมเฟตามีน ที่เหลือจากการขาย ซึ่งใส่ถุงพลาสติกซ่อนในเสื้อชั้นในออกมา มอบให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมเอง การที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมเป็น ผู้ค้นตัวจำเลยซึ่งเป็นหญิงโดยมิได้ให้หญิงอื่นเป็นผู้ค้น เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นเหตุให้การจับกุมและสอบสวนไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 116 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89, 116 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาโดยอ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยค้นตัวจำเลยซึ่งเป็นหญิงโดยมิได้ให้หญิงอื่นเป็นผู้ค้นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้การจับกุมและสอบสวนไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องรับฟังข้อเท็จจริงก่อนว่าเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยเป็นผู้ค้นตัวจำเลยเองโดยมิได้ให้หญิงอื่นเป็นผู้ค้นหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้หยิบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการขาย 9 เม็ด ซึ่งใส่ถุงพลาสติกซ่อนในเสื้อชั้นในออกมามอบให้เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมเอง การที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมเป็นผู้ค้น ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย