คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2538

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองให้การเพียงว่าโจทก์คิด ดอกเบี้ยเกินอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศไว้มิได้ให้การถึงการคิดดอกเบี้ยทบต้นและสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเบิกกันเมื่อใดศาลชั้นต้นจึงมิได้กำหนดให้เป็น ประเด็นข้อพิพาทและที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยดอกเบี้ยทบต้นก็เกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์เท่านั้นดังนั้นที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เรื่องการคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยมิได้ให้การไว้และศาลอุทธรณ์ภาค1ยกขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 1 ทำ สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี ใน วันที่12 เมษายน 2526 เป็น เงิน 2,000,000 บาท ดอกเบี้ย ร้อยละ17.5 ต่อ ปี และ ใน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2527 เป็น เงิน 3,000,000บาท ดอกเบี้ย ร้อยละ 17.5 ต่อ ปี โดย ตกลง ชำระ ดอกเบี้ย ภายในวันที่ 5 ของ เดือน หาก ผิดนัด ไม่ชำระ ดอกเบี้ย ยินยอม ให้ โจทก์นำ ดอกเบี้ย ที่ ค้างชำระ ทบ เข้า กับ ต้นเงิน และ ให้ ดอกเบี้ย ที่ ทบ เข้าต้นเงิน ดังกล่าว กลาย เป็นต้น เงิน อัน จำเลย ที่ 1 จะ ต้อง เสีย ดอกเบี้ยใน คราว ต่อ ปี จำเลย ที่ 1 ตกลง ว่า จะ ชำระหนี้ ตาม สัญญา เบิกเงินเกิน บัญชี ทั้ง สอง ฉบับ ภายใน วันที่ 12 เมษายน 2527 จำเลย ที่ 1ยินยอม ให้ คิด ดอกเบี้ย ได้ ตาม อัตรา ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศจำเลย ที่ 1 ได้ จดทะเบียน จำนอง ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1434, 18651,18653, 18860 และ 18861 ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น เป็น ประกันหนี้ โดย มี ข้อ ต่อ ท้าย สัญญาจำนอง ว่าหาก โจทก์ บังคับจำนอง แล้ว ได้ เงิน สุทธิ ไม่พอ ชำระหนี้ จำเลย ที่ 1ยอม ใช้ เงิน ส่วน ที่ ขาด ให้ แก่ โจทก์ จน ครบ จำเลย ที่ 2 ได้ ทำ หนังสือยินยอม มอบ สิทธิ และ โอนสิทธิ การ เช่า อาคาร ราชพัสดุ ห้อง เลขที่ 2/19ถนน ชวนชื่น ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น เพื่อ ประกัน การ ชำระหนี้ ของ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ได้ ทำ หนังสือยินยอม มอบ สิทธิ การ เช่า อาคาร ราชพัสดุ ห้อง เลขที่ 62/237-238ถนน กลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น เพื่อ เป็น การ ประกัน การ ชำระหนี้ ของ จำเลย ที่ 1 ต่อมาจำเลย ที่ 2 ได้ ทำ สัญญาค้ำประกัน การ ชำระหนี้ ของ จำเลย ที่ 1ที่ มี ต่อ โจทก์ ตาม สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี โดย ยอม เข้า รับผิด ร่วม กับจำเลย ที่ 1 เมื่อ สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี ทั้ง สอง ฉบับ ครบ กำหนด แล้วจำเลย ที่ 1 ได้ ขอ ต่อ อายุ สัญญา ออก ไป อีก จน ถึง วันที่ 12 เมษายน 2528และ จำเลย ที่ 1 ยอมรับ ว่า เพียง สิ้น วันที่ 14 มีนาคม 2527 จำเลย ที่ 1เป็น หนี้ โจทก์ อยู่ จำนวน 4,913,911.45 บาท นับแต่ จำเลย ที่ 1ได้ ทำ สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี ไป จาก โจทก์ จำเลย ที่ 1 ได้ ออก เช็คสั่งจ่าย เงิน ใน บัญชี กระแสรายวัน หลาย ครั้ง และ ได้ นำ เงิน เข้าบัญชีหลาย ครั้ง เช่นกัน โจทก์ ได้ หัก ทอน บัญชี กระแสรายวัน คิด ถึง วันที่29 พฤษภาคม 2530 ปรากฏว่า จำเลย ที่ 1 เป็น หนี้ อยู่ จำนวน7,674,179.69 บาท โจทก์ บอกกล่าว การ บังคับจำนอง แล้วแต่ จำเลยทั้ง สอง เพิกเฉย ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน จำนวน7,904,882.20 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ดอกเบี้ย ถ้า จำเลย ทั้ง สอง ไม่ชำระหนี้ ให้ ยึด ที่ดิน และ สิทธิ การ เช่า อาคาร ราชพัสดุ ออก ขายทอดตลาดใช้ หนี้ ให้ โจทก์ หาก ได้ เงิน ไม่พอ ก็ ให้ ยึดทรัพย์สิน อื่น ออก ขายทอดตลาดชำระหนี้ จน ครบ
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ว่า ฟ้อง ของ โจทก์ เคลือบคลุม จำเลย ที่ 1ไม่เคย ทำ สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี ไป จาก ธนาคาร โจทก์ สาขา ขอนแก่นลายมือชื่อ ใน เอกสาร ท้ายฟ้อง โจทก์ หมายเลข 3, 4 และ 5 เป็น ลายมือชื่อ ปลอม หนังสือ สัญญาจำนอง ที่ดิน ตาม เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 6มิได้ ทำ ตาม แบบ ของ กฎหมาย ลายมือชื่อ เกี่ยวกับ บันทึก เพิ่มเติมหรือ ต่อ ท้าย หนังสือ สัญญาเช่า อาคารพาณิชย์ ห้อง เลขที่ 62/238และ ห้อง เลขที่ 62/237 เอกสาร ท้ายฟ้อง หมายเลข 9 และ 10 ไม่ใช่ลายมือชื่อ ที่ แท้จริง ของ จำเลย ที่ 1 เอกสาร ท้ายฟ้อง ของ โจทก์หมายเลข 11, 12, 15 และ 16 ก็ ไม่ใช่ ลายมือชื่อ ของ จำเลย ที่ 1ลายมือชื่อ ใน เอกสาร ท้ายฟ้อง โจทก์ หมายเลข 8, 13, 14 ไม่ใช่ลายมือชื่อ ของ จำเลย ที่ 2 โจทก์ ไม่มี สิทธิ คิด ดอกเบี้ย ใน อัตรา ต่าง ๆตาม ฟ้อง เพราะ คิด สูง กว่า อัตรา ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศจำเลย ที่ 1 ไม่เคย ได้รับ หนังสือ บอกกล่าว ชำระหนี้ และ บังคับจำนองขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน7,904,882.20 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ถ้า จำเลย ทั้ง สองไม่ชำระ ให้ ยึด ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1434, 18651, 18653, 18860 และ 18861ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น และ สิทธิ การ เช่า อาคาร ราชพัสดุ ห้อง เลขที่ 2/19 ถนน ชวนชื่น เลขที่ 62/237-238 ถนน กลางเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น ออก ขายทอดตลาด ใช้ หนี้ ให้ โจทก์ หาก ได้ เงิน ไม่พอ ก็ให้ ยึดทรัพย์สิน อื่น ออก ขายทอดตลาด ชำระหนี้ จน ครบ
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ที่ จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา ว่า สัญญา บัญชีเดินสะพัด ตาม เอกสาร หมาย จ. 18 ได้ เลิกกัน โดย ปริยาย เมื่อ วันที่1 กรกฎาคม 2528 ซึ่ง นับแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2528 โจทก์ ไม่มี สิทธิคิด ดอกเบี้ย ทบต้น จาก จำเลย ที่ 1 อีก ต่อไป โดย ขอให้ ศาลฎีกา แก้ไขคำพิพากษา ของ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 ใน ส่วน นี้ เท่านั้น เห็นว่า จำเลย ทั้ง สองมิได้ ให้การ ถึง การ คิด ดอกเบี้ย ทบต้น และ สัญญา เบิกเงินเกินบัญชีเลิกกัน เมื่อใด คง ให้การ เพียง ว่า โจทก์ คิด ดอกเบี้ย เกิน อัตรา ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ ประกาศ ไว้ ศาลชั้นต้น จึง มิได้ กำหนดให้ เป็น ประเด็น ข้อพิพาท และ ที่ ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ดอกเบี้ย ทบต้น ก็ เกิดจาก ข้ออ้าง ที่อาศัย เป็น หลักแห่งข้อหา ตาม ฟ้องโจทก์ เท่านั้นที่ จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์ การ คิด ดอกเบี้ย ทบต้น โดย มิได้ ให้การ ไว้และ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 ยกขึ้น วินิจฉัย ซึ่ง เป็น เรื่อง นอกประเด็นเป็น การ ไม่ชอบ ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง จึง เป็น ข้อ ที่ จำเลย ทั้ง สองมิได้ ยกขึ้น ว่ากล่าว กัน มา แล้ว โดยชอบ ใน ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ประเด็น ดังกล่าว จึง ห้าม มิให้ ฎีกา ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ประเด็น แห่ง ฎีกา ให้ จำเลย ทั้ง สอง ”
พิพากษายก ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง

Share