คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งและอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านเลขที่ที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งตามที่อยู่ของจำเลยในคำฟ้อง โดยมีภริยาของจำเลยเป็นผู้รับไว้แทน จึงถือได้ว่าส่งหมายให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยไม่อาจขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดและค้ำประกัน จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา พิพากษายกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดโดยจงใจ ไม่มีเหตุจะขอให้พิจารณาใหม่ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่ เห็นว่าแม้จำเลยที่ 1 มีสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ร.1 มาแสดงว่าขณะที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้อง จำเลยที่ 1 มีชื่อยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่5 หมู่ที่ 10 ตำบลเหล่าบก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานีก็ตาม แต่โจทก์ก็ส่งอ้างสัญญาเบกเงินเกินบัญชีเอกสารหมาย จ.3 เป็นพยาน ในเอกสารดังกล่าวปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้แจ้งแก่โจทก์ไว้ว่าอยู่บ้านเลขที่ 389/4 ถนนสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และจำเลยที่ 1 ได้เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านอีกว่าความจริงแล้วขณะทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 357 ถนนสุรนารี ซึ่งเป็นที่อยู่คนละที่กับที่ได้แจ้งโจทก์ไว้ในสัญญาดังกล่าว และมิใช่ภูมิลำเนาตามที่โจทก์ฟ้อง นอกจากนี้ยังได้ความอีกว่า เมื่อพนักงานเดินหมายของศาลชั้นต้นไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 ที่บ้านตามภูมิลำเนาในคำฟ้อง คือ บ้านเลขที่ 96 ถนนราชบุตรตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีนางยุพา สินธุเชาว์ ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 เต็มใจยอมรับหมายไว้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1ไม่ได้อยู่ที่บ้านตามที่กล่าวในคำฟ้อง และไม่ปรากฏว่านางยุพารับหมายไว้แทนจำเลยที่ 1 โดยหลงผิด พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 อยู่อาศัยในบ้านเดียวกับนางยุพาภริยา และถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป ดังนั้น บ้านที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 1 การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งตามคำสั่งของศาลโดยมีนางยุภาภริยาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับไว้แทน จึงถือว่าได้ส่งหมายนั้น ๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 ทราบโดยชอบแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การหภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 1ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share