แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแขวงไต่สวนข้อมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามไม่รับ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์เห็นดังศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาสั่งให้รับอุทธรณ์โจทก์ในข้อที่ว่า โจทก์จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 วรรค 1 ได้หรือไม่ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จทำให้เสื่อนเสียเสรีภาพ หมิ่นประมาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๑๗๒, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๒๖ และ ๓๒๘
ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์ทั้งเรื่องเป็นการเถียงข้อเท็จริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขขวง ฯ มาตรา ๒๒ จึงไม่รับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นอย่างเดียวกับศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกาคำสั่งต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลขั้นต้นวินิจฉัยตามพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว ข้ออุทธรณ์ของโจทก์ข้ออื่นเป็นการอุทธณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนในข้อที่โจทก์จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๐ วรรค ๑ ได้หรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย พิพากษาแก้ ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์เฉพาะปัญหากฎหมายดังกล่าว