คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภาษีบำรุงท้องที่เป็นภาษีที่จัดเก็บจากที่ดินโดยคำนวณจากราคาปานกลางของที่ดินและอัตราภาษีตามบัญชีภาษีบำรุงท้องที่ท้าย พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 ในการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจึงต้องคำนึงที่ตั้ง ขนาดเนื้อที่ และลักษณะการใช้ที่ดินแต่ละแปลงซึ่งตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 ก็บัญญัติ ให้เจ้าของที่ดินซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ยื่นแบบแสดงรายการที่ดินเป็นรายแปลง ดังนี้การพิจารณาทุนทรัพย์ที่พิพาทจึงต้องถือตามจำนวนเงินค่าภาษีที่มีการโต้แย้งการประเมินเรียกเก็บภาษีบำรุงท้องที่ของที่ดินแต่ละแปลงแยกจากกันเป็นแต่ละข้อหา คดีนี้เจ้าพนักงานจำเลยแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ.2545 ถึงปี พ.ศ.2548 เป็นรายปี สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 3561, 3562, 3563, 1188 และ 1574 เป็นเงินภาษี 2,194.73 บาท 2,427.75 บาท 2,430.68 บาท 45,552.98 บาท และ 14,307.15 บาท ตามลำดับ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว มีคำวินิจฉัยยืนตามการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ทุนทรัพย์ที่พิพาทแต่ละข้อหาในคดีจึงไม่เกิน 50,000 บาท อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ มีน้ำหนักฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินได้ประกอบการกสิกรรมประเภทไม้ล้มลุกในที่ดินพิพาททั้ง 5 แปลง ด้วยตนเองตลอดมา เป็นการโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลภาษีอากรกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 ที่ศาลภาษีอากรกลางสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีตามหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ ปท 0018/45179 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2545 และการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2545 ถึงปี พ.ศ. 2548 ตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ ปท 52202/126 ลงวันที่ 19 เมษายน 2545 โดยให้จำเลยเรียกเก็บภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2545 ถึงปี พ.ศ. 2548 ในอัตราปีละ 877.85 บาท หรืออัตราที่ถูกต้องเหมาะสมตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการเดียวว่า โจทก์ใช้ที่ดินพิพาททั้ง 5 แปลง ประกอบการกสิกรรมโดยทำนาบัวด้วยตนเองหรือไม่ เห็นว่า ภาษีบำรุงท้องที่เป็นภาษีที่จัดเก็บจากที่ดินโดยคำนวณจากราคาปานกลางของที่ดินและอัตราภาษีตามบัญชีอัตราภาษีบำรุงท้องที่ท้ายพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ในการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจึงต้องคำนึงที่ตั้ง ขนาดเนื้อที่ และลักษณะการใช้ที่ดินแต่ละแปลง ซึ่งตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ก็บัญญัติให้เจ้าของที่ดินซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ยื่นแบบแสดงรายการที่ดินเป็นรายแปลง ดังนี้ การพิจารณาทุนทรัพย์ที่พิพาทจึงต้องถือตามจำนวนเงินค่าภาษีที่มีการโต้แย้งการประเมินเรียกเก็บภาษีบำรุงท้องที่ของที่ดินแต่ละแปลงแยกจากกันเป็นแต่ละข้อหา ปรากฏตามหนังสือแจ้งการประเมินว่า เจ้าพนักงานของจำเลยแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2545 ถึงปี พ.ศ. 2548 เป็นรายปี สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 3561, 3562, 3563, 1188 และ 1574 เป็นเงินภาษี 2,194.73 บาท 2,427.75 บาท 2,430.68 บาท 45,552.98 บาท และ 14,307.15 บาท ตามลำดับ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว มีคำวินิจฉัยยืนตามการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินทุนทรัพย์ที่พิพาทแต่ละข้อหาในคดีจึงไม่เกิน 50,000 บาท อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักฟังได้ว่า โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้ประกอบการกสิกรรมประเภทไม้ล้มลุกในที่ดินพิพาททั้ง 5 แปลง ด้วยตนเองตลอดมา เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลภาษีอากรกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 แม้ศาลภาษีอากรกลางจะสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์มา ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share