คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาในคดีก่อนว่า มารดาโจทก์กู้ยืมเงินมารดาจำเลย โดยมารดาโจทก์มอบที่ดินพิพาทให้มารดาจำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย ข้อเท็จจริงเช่นนี้ย่อมผูกพันคู่ความจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนด้วยจึงหาอาจจะโต้เถียงเป็นประการอื่นได้ไม่ จำเลยต้องคืนที่ดินพิพาทให้โจทก์โดยรับเงินกู้ยืมคืน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางกุ้มฉุ้ย ธุระการณ์ มารดาโจทก์กู้ยืมเงิน 10,000 บาทจากนางขิ้ม อุทัยรัตน์ มารดาจำเลยโดยมอบที่พิพาทตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 26 เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน ของนางกิ้มฉุ้ยให้นางขิ้มทำนาต่างดอกเบี้ย และมอบแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)ให้นางขิ้มยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ต่อมานางกิ้มฉุ้ยถึงแก่กรรม ที่ดินดังกล่าวตกเป็นของโจทก์ เมื่อนางขิ้มถึงแก่กรรมจำเลยทำนาในที่พิพาทต่างดอกเบี้ยสืบต่อจากนางขิ้ม โจทก์ขอไถ่ถอนหลายครั้งจำเลยไม่ยินยอม เมื่อวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2538 โจทก์ส่งเงิน 10,000 บาท ทางธนาณัติชำระหนี้เงินกู้และให้จำเลยคืนที่พิพาท จำเลยได้รับธนาณัติแล้วส่งคืนโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรับเงิน 10,000 บาท จากโจทก์ และคืนที่พิพาทพร้อมแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) แก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า นางกิ้มฉุ้ยได้ส่งมอบและสละการครอบครองที่พิพาทให้นางขิ้ม นางขิ้มครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตั้งแต่ปี 2513 ปี 2518 นางกิ้มฉุ้ยถึงแก่กรรม ปี 2520นางขิ้มถึงแก่กรรม ที่พิพาทจึงเป็นมรดกตกได้แก่จำเลย โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของนางกิ้มฉุ้ยไม่ได้ฟ้องเพื่อเรียกคืนการครอบครองที่พิพาทภายใน 1 ปี นับแต่นางกิ้มฉุ้ยถึงแก่กรรม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยทำประโยชน์ในที่พิพาทโดยความสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของนางขิ้มและจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาทแทนนางกิ้มฉุ้ยหรือโจทก์ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นของจำเลย ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ใช่เจ้าของสิทธิในที่พิพาทมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนมารดาโจทก์และโจทก์ตลอดมา ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงิน 10,000 บาท แก่จำเลยให้จำเลยคืนที่พิพาทและแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 26แก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาในคดีก่อนว่า นางกิ้มฉุ้ยมารดาโจทก์กู้ยืมเงินนางขิ้มมารดาจำเลย โดยนางกิ้มฉุ้ยมอบที่พิพาทให้นางขิ้มทำกินต่างดอกเบี้ย ข้อเท็จจริงเช่นนี้ย่อมผูกพันคู่ความจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนด้วยหาอาจจะโต้เถียงเป็นประการอื่นได้ไม่จำเลยต้องคืนที่พิพาทให้โจทก์โดยรับเงินกู้ยืมคืน และตามคำให้การจำเลยไม่มีประเด็นเรื่องการแย่งการครอบครอง ฎีกาของจำเลยในปัญหานี้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share