คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3889/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งหกเป็นทายาทผู้รับมรดกของเจ้ามรดกซึ่งเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ตามสัญญากู้ การที่จำเลยทั้งหกรับว่าจะชดใช้หรือให้โจทก์และได้ขอยืมโฉนดที่โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันไปจากโจทก์เพื่อนำไปขอจดทะเบียนรับมรดกแล้วนำมาคืนให้โจทก์ยึดถือไว้ตามเดิมนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือเสมอไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายพรมได้กู้เงินโจทก์และได้นำโฉนดที่ดินให้ยึดถือไว้เป็นประกัน นายพรมถึงแก่ความตายโจทก์ได้ทวงถามเงินกู้คืนจากจำเลยทั้งหกในฐานะทายาทของนายพรม จำเลยทั้งหกเพิกเฉย ขอบังคับจำเลยทั้งหกให้ร่วมกันชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งหกให้การว่า หากมีการกู้กันจริงก็ได้มีการชำระหนี้กันแล้ว คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งหกนำทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนนายพรมตายได้กู้เงินโจทก์ไป ๒ คราว ตั้งแต่กู้เงินโจทก์ไปแล้วนายพรมยังไม่ได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์เลยหลังจากนายพรมตายไปแล้ว จำเลยทั้งหกซึ่งเป็นทายาทของนายพรมได้ให้คำยินยอมตกลงที่จะชำระหนี้ของนายพรมแก่โจทก์ตามสัญญากู้ที่นายพรมทำให้ไว้และได้ขอยืมโฉนดจากโจทก์ไปขอจดทะเบียนรับมรดก แล้วนำมาคืนให้โจทก์ยึดถือไว้ตามเดิม โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ทราบการตายของนายพรม แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของการรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกี่ยวกับหนี้ตามสัญญากู้จำเลยทั้งหกในฐานะทายาทผู้รับมรดกของเจ้ามรดกซึ่งเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ตามสัญญากู้ดังกล่าว จึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ การที่จำเลยทั้งหกรับว่าจะชดใช้หนี้ให้โจทก์และได้ขอยืมโฉนดที่โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันไปจากโจทก์เพื่อนำไปขอจดทะเบียนรับมรดกแล้วนำมาคืนให้โจทก์ยึดถือไว้ตามเดิมนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น จึงหาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือดังที่จำเลยอ้างเสมอไปไม่
พิพากษายืน

Share