คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศคณะกรรมการฯตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรควบคุมหนังโคหนังกระบือสดและแห้ง และให้ผู้ที่ได้หนังมาไว้ในครอบครองแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บภายในเวลาที่กำหนดไว้นั้นจะถือว่านอกขอบเขตพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรยังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 6 และ 8 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร จังหวัดมหาสารคาม ได้ออกประกาศควบคุมหนังโคกระบือ โดยให้บุคคลผู้ได้หนังมาด้วยประการใด ๆแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อคณะกรรมการอำเภอภายใน 48 ชั่วโมงและห้ามซื้อขายหรือยักย้ายหนังโคกระบือดังกล่าว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ หรือผู้รักษาการแทนเป็นลายลักษณ์อักษรปรากฏดังสำเนาประกาศท้ายฟ้อง และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำเลยได้ทราบประกาศแล้ว ครั้นวันที่ 13 มกราคม 2499 เวลา กลางวัน จำเลยบังอาจมีหนังโคสดหมักเกลือ 1 แผ่น หนังกระบือสดหมักเกลือ 1 แผ่น ไว้ในความครอบครอง โดยมิได้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อคณะกรรมการอำเภอภายใน 48 ชั่วโมง ดังประกาศข้างต้นและตามวันเวลาดังกล่าวนี้ จำเลยบังอาจยักย้ายหนังโคกระบือดังกล่าวเพื่อนำไปขายโดยมิได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่หรือผู้รักษาการแทนเป็นลายลักษณ์อักษร เหตุเกิดตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 6, 8, 17 ประกาศคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร จังหวัดมหาสารคาม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 พระราชบัญญัติบำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 5, 6, 7, 8, 9 สั่งจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับตามกฎหมายด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพและโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน

ศาลจังหวัดมหาสารคามวินิจฉัยว่า ประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2494 เป็นโมฆะเพราะมิได้อยู่ในขอบอำนาจที่กฎหมายมอบให้คณะกรรมการทำได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยตัวจำเลยพ้นข้อหาไปและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายขึ้นมา

ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า ตามประกาศของคณะกรรมการลงวันที่ 24มีนาคม 2494 ประกาศควบคุมหนังโคหนังกระบือสดและแห้ง และให้ผู้ที่ได้หนังมาไว้ในครอบครองแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บภายในเวลาที่กำหนดไว้นั้น จะถือว่าเป็นการกระทำนอกขอบเขตพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรทีเดียวมิได้ เพราะความใน มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัตินี้เองบัญญัติให้อำนาจคณะกรรมการฯ ไว้อย่างกว้าง ๆ คือ ระบุชื่อหรือประเภทสิ่งของ และให้สั่งการที่เห็นสมควร เกี่ยวกับสิ่งของที่ห้ามค้ากำไรเกินควร และในข้อ (5) ก็บัญญัติให้แจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บ ฯลฯ

และในคดีนี้จำเลยก็ให้การรับสารภาพว่า มีหนังโคและกระบือไว้อย่างละผืน โดยมิได้แจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บจริง มิได้มีข้อเท็จจริงให้เห็นเป็นอย่างอื่นว่า จำเลยมีไว้หรือได้มาโดยอาการอย่างไร จะเข้าอยู่ในวัตถุประสงค์ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรหรือไม่จึงไม่มีเหตุที่จะพึงพิจารณาไปถึงได้ ฉะนั้นแม้จำเลยจะมีหนังไว้เพียงผืนสองผืน จำเลยก็ไม่พ้นผิด เพราะมิได้ปรากฎเหตุดังกล่าวแต่ต้น คำพิพากษาฎีกาที่ 284/2498 ข้อเท็จจริงไม่เหมือนคดีนี้จะยกมาปรับมิได้

เหตุนี้จึงพิพากษากลับ ให้ปรับจำเลย 1 บาท ตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร มาตรา 17 กับให้จ่ายรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุม 100 ละ 20 จากเงินค่าปรับ

Share