แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์เล่นแชร์ กับจำเลยโดยจำเลยเป็นนายวง เมื่อโจทก์ได้รับเช็คจากจำเลยในการเล่นแชร์ แล้วเบิกเงินจากธนาคารไม่ได้ ดังนี้ ถือว่าลูกวงแชร์ไม่จ่ายเงินให้โจทก์ผู้เปียแชร์ได้ จำเลยต้องรับผิดตามข้อตกลงการเล่นแชร์ อายุความสิทธิเรียกร้องเงินค่าแชร์ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดสิบปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 โจทก์เคยรับมอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คที่ได้มาจากการเล่นแชร์ คดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาเล่นแชร์ ดังนี้ มิใช่ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามเช็คทั้งโจทก์ก็มิใช่คู่ความในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2522 จำเลยตั้งวงแชร์โดยเป็นนายวงแชร์มีผู้เล่น 13 มือ ซึ่งโจทก์เป็นลูกวงด้วยมือหนึ่ง จำเลยเรียกเก็บเงินจากลูกวงก่อนในเดือนแรกมือละ50,000 บาท ในเดือนต่อไปจำเลยจะลงเงิน 50,000 บาท ส่วนลูกวงลงเงินมือละ 30,000 บาท ทุกเดือนจนครบ กำหนดการประมูลทุกเดือนและให้ผู้ประมูลได้นำเช็คไปเรียกเก็บ หากลูกวงคนใดที่ประมูลได้และรับเงินไปแล้วไม่จ่ายเงินให้ผู้ที่เปียแชร์ได้คนถัดมาจำเลยจะรับผิดชดใช้ให้จนครบการเล่น ชร์ดำเนินมาจนเหลือโจทก์และนายทองดี อภินันท์รัตนกุล โจทก์กับนายทองดีจึงตกลงให้โจทก์นำเช็คที่รับจากจำเลยไปเรียกเก็บเงินก่อนในวันที่ 2 มกราคม 2523เป็นเช็คของจำเลย 1 ฉบับ และผู้อื่นสั่งจ่ายอีก 4 ฉบับ โจทก์นำเช็คไปชำระค่าสินค้าแก่นายกนก สงค์ประเสริฐ เมื่อเช็คทั้งห้าฉบับถึงกำหนด นายกนกได้นำไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนายกนกจึงนำเช็คของจำเลยและผู้อื่นอีก 1 ฉบับ ไปฟ้องเป็นคดีอาญา และได้เงินคืนบางส่วน ภายหลังนายกนกตาย นางวัณณี สงค์ประเสริฐภริยานายกนกได้นำเช็คที่เหลือ 3 ฉบับ ฉบับละ 30,000 บาท ไปฟ้องเรียกเงินจากจำเลยในฐานะผู้สลักหลัง ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องนางวัณณีจึงเรียกค่าสินค้าจากโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้ชำระให้นางวัณณีไปแล้ว โจทก์จึงขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินที่โจทก์ยังไม่ได้รับเงินค่าแชร์ต่อโจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย นับแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2525ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 648.90 บาท รวมต้นเงิน 103,825 บาท เป็นเงิน104,473.90 บาท กับให้ใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์เพราะมูลหนี้ตามสัญญาแชร์ระงับไปแล้ว เช็คสามฉบับตามฟ้องไม่ใช่เช็คที่โจทก์ได้รับจากการเล่นแชร์ และโจทก์ได้ใช้เช็คชำระหนี้ให้นายกนกไปแล้วโจทก์จึงมิใช่ผู้ทรางเช็ค ฟ้องโจทก์ขาดอายุความไม่ว่าอาศัยมูลหนี้สัญญาเล่นแชร์หรือมูลหนี้ตามเช็ค โจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากนางวัณณีฟ้องให้จำเลยรับผิดตามเช็คสามฉบับ ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดไปแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้เพราะการที่โจทก์รับเช็คมาจากนางวัณณี แม้จะชำระเงินตามเช็คให้ก็ไม่เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เพราะโจทก์มิได้บอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบก่อน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 103,825 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…เมื่อเช็คทั้งสามฉบับเป็นเช็คที่โจทก์ได้รับมาจากการเล่นแชร์และโจทก์นำไปชำระหนี้ให้ผู้อื่น แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ได้ชดใช้เงินตามเช็คไปเช่นนี้ถือว่าลูกวงแชร์ไม่จ่ายเงินให้โจทก์ผู้เปียแชร์ได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามข้อตกลงในการเล่นแชร์ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้นเห็นว่า อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องในกรณีนี้ไม่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 โจทก์ได้รับเช็คจากจำเลยในการเล่นแชร์งวดวันที่ 2มกราคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2525 ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ที่จำเลยฎีกาว่า การเล่นแชร์มีการออกเช็คเพื่อชำระหนี้อันเกิดจากการเล่นแชร์นั้น จึงถือได้ว่ามีการตกลงแปลงหนี้ใหม่ มูลหนี้ตามสัญญาเล่นแชร์ระงับสิ้นไป และโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากนางวัณณี ภรรยานายกนกผู้ตายซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คให้ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ศาลมีคำพิพากษา คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้อีก ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องให้ดจำเลยรับผิด โดยอาศัยมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเล่นแชร์ เนื่องจากเช็คที่โจทก์ได้รับจากจำเลยในการเล่นแชร์เรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้ดจำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็ค การที่โจทก์จำเลยมีข้อตกลงกันให้โจทก์นำเช็คที่ได้รับมาจากการเล่นแชร์ไปเรียกเก็บเงินไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ และโจทก์มิใช่คู่ความในคดีที่นางวัณณีฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป้นฟ้องซ้ำจำเลยจะยกเหตุดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเล่นแชร์ไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ดจำเลยรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.