แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่และได้เสนอให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 9 เมื่อประธานศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าคดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ จึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจะมีคำสั่งให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ตามกฎหมายของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีมีวัตถุประสงค์ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าของโจทก์ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีและในประเทศอื่น โดยรวมถึงการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าต่าง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครมีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 30ตุลาคม 2536 จำเลยที่ 1 ได้ซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อเดวู จำนวน 1,010 คันไปจากโจทก์ในราคา 6,029,700 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสัญญาซื้อขายที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้รับมอบรถยนต์เก๋งครบถ้วนแล้วแต่จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 17 มิถุนายน 2537 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาชำระหนี้เลขที่ DW.ML/0694กับโจทก์ตามสัญญาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ตกลงว่าจะชำระเงินค่าซื้อรถยนต์เก๋งที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวพร้อมค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายต่าง ๆตามสัญญาซื้อขายคิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 6,959,894.97 ดอลลาร์สหรัฐซึ่งเท่ากับจำนวน 170,687,340.44 บาท ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ตกลงจะผ่อนชำระหนี้ 21 งวด ด้วยเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 จำนวน 21 ฉบับ ตามสำเนาสัญญาชำระหนี้พร้อมคำแปลเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ต่อมาจำเลยทั้งสองชำระหนี้บางงวดให้แก่โจทก์ และสำหรับบางงวดจำเลยทั้งสองได้ขอผัดผ่อนการชำระหนี้นั้นออกไป ในที่สุดจำเลยทั้งสองและโจทก์จึงได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยการทำสัญญาชำระหนี้ตามเช็คเลขที่ SET.ML/0997 ฉบับลงวันที่ 6 กันยายน 2540 เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์เก๋งที่ยังคงค้างชำระตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวข้างต้นพร้อมค่าเสียหายจากการผิดนัดในแต่ละครั้งและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้แก่โจทก์รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 78,414,218.70 บาท โดยแบ่งเป็น 8 งวดเริ่มชำระงวดแรกในเดือนตุลาคม 2540 และชำระงวดต่อ ๆ ไปในเดือนถัดไปงวดสุดท้ายชำระในเดือนเมษายน 2541 จำเลยที่ 2 ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางแค รวม 8 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ดังกล่าวจำเลยทั้งสองรับรองว่าจะไม่ขอเลื่อนการชำระเงินออกไปอีก ตามสำเนาสัญญาชำระหนี้ตามเช็คและรายการเช็คแนบท้ายสัญญาพร้อมคำแปลเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5 แต่ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งแปดฉบับ และจำเลยทั้งสองยังคงผิดนัดชำระหนี้ค่างวดเป็นเงินจำนวน 78,414,218.70 บาท ตามสัญญาชำระหนี้เลขที่ SET.ML/0997 ดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 113,437,395.06 บาท และจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินค่าดอกเบี้ยฐานผิดนัดของหนี้เงินจำนวน 78,414,218.70บาท ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 113,437,395.06 บาท ให้แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าดอกเบี้ยดังกล่าวแก่โจทก์
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “กรณีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ และได้เสนอให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาผู้วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539มาตรา 9 ซึ่งประธานศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าคดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศตามคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาที่ ทก.13/2543 กรณีจึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะมีคำสั่งให้รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป ดังนี้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์นั้น จึงเป็นการไม่ชอบ”
พิพากษากลับ ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป