คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3879/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ และได้เสนอให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539มาตรา 9 ซึ่งประธานศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ จึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะมีคำสั่งให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ตามกฎหมายของประเทศสาธารณรัฐเกาหลี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี มีวัตถุประสงค์ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าของโจทก์ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีและในประเทศอื่น โดยรวมถึงการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าต่าง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงจำเลยที่ 1ด้วย จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2536 จำเลยที่ 1 ได้ซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อเดวู จำนวน 1,010 คัน ไปจากโจทก์ในราคา 6,029,700 ดอลลาร์สหรัฐทำสัญญาซื้อขายที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้รับมอบรถยนต์เก๋งครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ผิดนัด ไม่ชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 17 มิถุนายน 2537 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาชำระหนี้เลขที่ DW.ML/0694 กับโจทก์ ตามสัญญาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ตกลงว่าจะชำระเงินค่าซื้อรถยนต์เก๋งที่ค้างชำระตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวพร้อมค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามสัญญาซื้อขายคิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 6,959,894.97 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเท่ากับจำนวน170,687,340.44 บาท ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ตกลงจะผ่อนชำระหนี้21 งวด ด้วยเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 จำนวน 21 ฉบับ ตามสำเนาสัญญาชำระหนี้พร้อมคำแปลเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 4 ต่อมาจำเลยทั้งสองชำระหนี้บางงวดให้แก่โจทก์ และสำหรับบางงวดจำเลยทั้งสองได้ขอผัดผ่อนการชำระหนี้นั้นออกไปในที่สุดจำเลยทั้งสองและโจทก์จึงได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยการทำสัญญาชำระหนี้ตามเช็คเลขที่ SET.ML/0997 ฉบับลงวันที่ 6 กันยายน2540 เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์เก๋งที่ยังคงค้างชำระตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวข้างต้น พร้อมค่าเสียหายจากการผิดนัดในแต่ละครั้งและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้แก่โจทก์รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 78,414,218.70 บาทโดยแบ่งเป็น 8 งวด เริ่มชำระงวดแรกในเดือนตุลาคม 2540 และชำระงวดต่อ ๆ ไปในเดือนถัดไป งวดสุดท้ายชำระในเดือนเมษายน 2541จำเลยที่ 2 ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางแครวม 8 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยทั้งสองรับรองว่าจะไม่ขอเลื่อนการชำระเงินออกไปอีก ตามสำเนาสัญญาชำระหนี้ตามเช็คและรายการเช็คแนบท้ายสัญญาพร้อมคำแปลเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5 แต่ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งแปดฉบับ และจำเลยทั้งสองยังคงผิดนัดชำระหนี้ ค่างวดเป็นเงินจำนวน 78,414,218.70 บาทตามสัญญาชำระหนี้เลขที่ SET.ML/0997 ดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 113,437,395.06บาท และจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินค่าดอกเบี้ยฐานผิดนัดของหนี้เงินจำนวน 78,414,218.70 บาท ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน113,437,395.06 บาท ให้แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าดอกเบี้ยดังกล่าวแก่โจทก์

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมด

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า กรณีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศหรือไม่ และได้เสนอให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาผู้วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 9 ซึ่งประธานศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่าคดีตามคำฟ้องของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาที่ ทก.13/2543 กรณีจึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปดังนี้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์นั้น จึงเป็นการไม่ชอบ

พิพากษากลับ ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

Share