คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3876/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 จัตวาบัญญัติว่า เมื่อผู้นำของเข้านำเงินมาชำระค่าภาษีอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่มให้เรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของค่าอากรที่นำมาชำระจนถึงวันที่นำเงินมาชำระนั้น เห็นว่าเงินเพิ่มตามมาตรานี้ มิใช่ดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 329 โจทก์จึงจะนำเงินที่ธนาคารค้ำประกันมาหักชำระเงินเพิ่มค่าภาษีอากรก่อนไม่ได้ กรณีนี้เป็นเรื่องลูกหนี้ต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้ในอันจะกระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอย่างเดียวกันโดยมูลหนี้หลายราย หนี้ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน หนี้รายที่เก่าที่สุดเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน เมื่อหนี้ค่าภาษีอากรเป็นหนี้เก่ากว่าหนี้เงินเพิ่มค่าภาษีอากร ดังนี้ หนี้ค่าภาษีอากรย่อมได้รับการปลดเปลื้องไปก่อนหนี้เงินเพิ่มค่าภาษีอากรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปต่างประเทศ จำเลยค้างชำระหนี้ภาษีอากรรวม 338,332.92 บาทและต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน ต่อมาธนาคารกรุงเทพ จำกัด ผู้ค้ำประกันได้นำเงินมาชำระให้โจทก์จำเลยยังคงค้างชำระภาษีและเงินเพิ่มอีก 105,627.16 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยและเงินเพิ่มร้อยละ1 ต่อเดือน จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 83,560.25 บาท โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 329 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หักชำระหนี้เงินเพิ่มภาษีก่อนแล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปชำระหนี้เดิมอันเป็นหนี้ประธานซึ่งหนี้แต่ละประเภทที่เหลือดังกล่าวเป็นหนี้ประธานซึ่งจำเลยยังมิได้ชำระ โจทก์จึงมีสิทธิคิดเงินเพิ่มได้อีก ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษาให้จำเลยชำระเงินเพิ่มอีกรวมจำนวน 22,066.91 บาท แก่โจทก์ โดยบังคับคดีไปตามคำขอท้ายฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วตามพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 มาตรา 112 จัตวา บัญญัติว่า เมื่อผู้นำของเข้านำเงินมาชำระค่าอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม ให้เรียกเก็บเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของค่าอากรที่นำมาชำระจนถึงวันที่นำเงินมาชำระ เห็นว่าเงินเพิ่มตามมาตรานี้ มิใช่ดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 โจทก์จึงจะนำเงินที่ธนาคารค้ำประกันมาหักชำระเงินเพิ่มค่าภาษีอากรก่อนไม่ได้ กรณีนี้เป็นเรื่องลูกหนี้ต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้ในอันจะกระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอย่างเดียวกันโดยมูลหนี้หลายราย หนี้ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน หนี้รายที่เก่าที่สุดเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน เมื่อหนี้ค่าภาษีอากรเป็นหนี้เก่ากว่าหนี้เงินเพิ่มค่าภาษีอากร ดังนี้หนี้ค่าภาษีอากรย่อมได้รับการปลดเปลื้องไปก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 หนี้ค่าภาษีอากรมีเพียง 338,332.92 บาทธนาคารชำระหนี้ให้โจทก์แล้ว 386,000 บาท หนี้ค่าภาษีอากรจึงได้รับการปลดเปลื้องไปหมดสิ้นแล้ว จำเลยคงต้องชำระเงินเพิ่มค่าภาษีอากรแก่โจทก์เท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share