แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางได้ไกล่เกลี่ยและสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากโจทก์จำเลยแล้ว ทนายจำเลยแถลงรับข้อเท็จจริง เมื่อศาลแรงงานกลางได้พิจารณาคำฟ้อง คำให้การและคำแถลงของโจทก์จำเลยประกอบกับเอกสารแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียดังนี้เมื่อไม่มีการสืบพยานก็ย่อมไม่มีการสาบานหรือปฏิญาณตนของพยานตลอดถึงการซักถามพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112 และมาตรา 117อีกต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างประจำเดือนมกราคม 2539 กับค่ารายได้จากการขายรถยนต์ให้แก่ลูกค้าจำเลยรวมจำนวน 24,750 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 5,000 บาท และค่าชดเชยเป็นเงิน 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงให้เงินเดือนโจทก์ในอัตราเดือนละ 5,000 บาทไม่เคยติดค้างเงินเดือน ค่ารายได้จากการขายรถยนต์ และไม่เคยบอกเลิกจ้างโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณาคู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย มีรายได้เป็นเงินเดือนและจากการเสนอขายรถยนต์ให้ลูกค้าจำเลยในแต่ละเดือน ในเดือนมกราคม2539 โจทก์ได้เสนอขายรถยนต์ให้แก่ลูกค้าจำเลยจำนวน 8 คัน โจทก์สละประเด็นเรื่องสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย คงเหลือเฉพาะประเด็นค่ารายได้จากการขายรถยนต์จำนวน 8 คัน ศาลแรงงานกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอในการวินิจฉัยคดีแล้วให้งดสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์และจำเลยตกลงกันว่า หากโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยในตำแหน่งพนักงานขายสามารถเสนอขายรถยนต์ให้แก่ลูกค้าตามอัตราที่จำเลยกำหนดไว้โดยราคาขายที่ขายเกินราคาต่ำสุดจะได้ค่ารายได้จากการขายร้อยละ 15 ในส่วนของราคาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งราคาขายรถยนต์ของจำเลยมีอัตราอยู่แล้วทั้งราคาขายและราคาขายที่ต่ำสุด รวมทั้งอัตราค่ารายได้จากการขายตามเอกสารหมาย จ.17 เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้เสนอขายรถยนต์ให้แก่ลูกค้าจำเลยจำนวน 8 คัน โจทก์จึงมีสิทธิได้ค่ารายได้จากการขายรถยนต์ตามเอกสารหมาย จ.11 ถึง จ. 17 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 44,750 บาทพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 44,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ส่วนปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การพิจารณาคดีมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112 และมาตรา 117นั้น ได้ความว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางได้ไกล่เกลี่ยและสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากโจทก์จำเลยแล้ว ทนายจำเลยแถลงรับว่าโจทก์ได้ขายรถยนต์ตามเอกสารหมาย จ.11 ถึง จ.16 จริง เมื่อศาลแรงงานกลางได้พิจารณาคำฟ้อง คำให้การ และคำแถลงโจทก์ จำเลยประกอบกับเอกสารแล้ว ศาลแรงงานกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียดังนี้ เมื่อไม่มีการสืบพยานก็ย่อมไม่มีการสาบานหรือปฏิญาณตนของพยานตลอดถึงการซักถามพยานแต่อย่างใดอีกต่อไปอุทธรณ์จำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน