คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387-389/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และขอทำลายนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทหลังกล่าวระหว่างจำเลยผู้ขาย กับบุคคลภายนอกผู้ซื้อ เมื่อคดีปรากฏว่า จำเลยได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนขายที่รายพิพาท และส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อไปแล้ว ดังนี้ เมื่อมิได้ฟ้องผู้ซื้อเข้ามาเป็นจำเลยด้วย แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็จะพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยและผู้ซื้อไม่ได้ เพราะผู้ซื้อเป็นบุคคลภายนอกคดี

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยจะขายที่พิพาทให้แก่นายมีโจทก์ไปคัดค้านที่อำเภอ แต่ทางอำเภอก็ได้ทำหนังสือซื้อขายที่พิพาทให้แก่นายมี จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ กับทำลายหนังสือซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมีเสีย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยทางมรดก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ทำลายหนังสือซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมีเสีย ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีปรากฎว่าจำเลยได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนขายนารายพิพาทและส่งมอบการครอบครองให้นายมีไปแล้ว เวลานี้จำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับนารายพิพาทนี้ ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลวินิจฉัยที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ และขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมีผู้ซื้อแล้ว ชอบที่โจทก์จะต้องฟ้องเรียกนายมีผู้ซื้อเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย เพื่อให้โอกาศนายมีผู้ซื้อแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์ว่า นายมีควรได้สิทธิในที่นาพิพาท+ที่นายมีรับซื้อไว้นั้นโดยอาศัยมูลฐานตามกฎหมายประการใดบ้างเมื่อนายมีผู้ซื้อมิได้เข้ามาเป็นจำเลยด้วย เช่นนี้แล้ว แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ก็จะพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมี ไม่ได้ เพราะนายมีเป็นบุคคลภายนอกคดี ฯลฯ จึงพิพากษายืน

Share