แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคนไทยครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์โต้แย้งแถลงว่า ประเด็นตกหน้าที่จำเลยนำสืบก่อนขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อน โจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบ และจะสืบต่อเมื่อจำเลยนำสืบพยานเรียบร้อยแล้ว และก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องศาลชั้นต้นสั่งเพียงว่า ‘รวม’ ดังนี้หาควรที่จะพิพากษาคดีเสียก่อนไม่ศาลควรสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเสียก่อน แล้วสั่งเรื่องหน้าที่นำสืบต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าว เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคนไทย
ศาลสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ไป ครั้นถึงวันนัดพิจารณา พยานโจทก์ไม่มาศาล โจทก์ขอเลื่อนไป
ถึงวันนัดครั้งที่ 2 พยานโจทก์มาพร้อมแล้ว โจทก์แถลงต่อศาลว่า คดีนี้ตามคำให้การของจำเลยอ้างว่า เป็นคนไทย จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบพยานก่อนตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 43 โจทก์จึงขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนำพยานสืบก่อน เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างของจำเลย โดยโจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบก่อน และจะสืบต่อเมื่อจำเลยนำสืบพยานของจำเลยเรียบร้อยแล้ว
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า ได้พิเคราะห์คำแถลงของโจทก์แล้วเห็นว่า เมื่อโจทก์ไม่ยอมนำพยานเข้าสืบตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ก็ไม่จำต้องสืบพยานจำเลยต่อไป ให้รอฟังคำพิพากษาวันนี้ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยกล่าวว่า เมื่อโจทก์ไม่พิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้อง ก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ และพิจารณาสั่งคำแถลงโต้แย้งของโจทก์ เรื่องฝ่ายใดพึงมีหน้าที่นำสืบก่อน และดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปตามรูปความ
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งเพียงว่า”รวม” มิได้วินิจฉัยสั่งให้เด็ดขาดประการใดว่า จะอนุญาตหรือไม่การพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง จึงยังค้างอยู่ หาควรที่จะพิพากษาคดีเสียก่อนไม่ ศาลควรสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเสียก่อน แล้วสั่งเรื่องหน้าที่นำสืบ ต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน