คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 7663/2524 ของศาลชั้นต้นที่ว่า ด. โจทก์ได้ขายหุ้นจำนวน 3398 หุ้น ให้แก่ กว.จำเลยที่ 3 ในคดีดังกล่าวไปแล้วใช่หรือไม่ มีความเกี่ยวพันกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้โดยตรง แม้ว่าโจทก์ทั้งสองคดีจะเป็นคนละคนกันและมิใช่คู่ความในคดีเดียวกันก็ตาม เพราะก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยคดีนี้ว่าการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2522 ของบริษัทจำเลยมีผู้ถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของหุ้นทั้งหมดหรือไม่นั้น จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า ด. ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยขณะที่บริษัทจำเลยจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2522 หรือไม่ ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีแพ่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวที่ฟังว่า ด. ได้ขายหุ้นจำนวน 3,398 หุ้นให้แก่ ม.และ ม. ได้โอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่ ว. มาวินิจฉัยตัดสินในคดีนี้ จึงเป็นการวินิจฉัยที่ตรงกับประเด็นที่ได้กำหนดหน้าที่นำสืบและภาระการพิสูจน์ไว้ในคดีนี้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทจำเลยได้จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ และได้มีมติเพิกถอนโจทก์ออกจากกรรมการบริษัทจำเลยแต่การประชุมใหญ่วิสามัญดังกล่าวไม่ครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมที่ให้โจทก์ออกจากกรรมการบริษัทจำเลยจึงไม่ชอบด้วยข้อบังคับของบริษัทจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการประชุมใหญ่วิสามัญดังกล่าว
จำเลยให้การว่า บริษัทจำเลยมีข้อบังคับในเรื่องการประชุมใหญ่ว่าต้องมีผู้ถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทจึงจะครบเป็นองค์ประชุม เมื่อนับจำนวนหุ้นของผู้เข้าประชุม รวมหุ้นที่นายเวคิน สุวรรณคีรี รับโอนจากนางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์ จำนวน ๓,๓๙๙ หุ้นผู้เข้าประชุมในการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ จะมีหุ้นเท่ากับร้อยละ ๘๖ ของหุ้นทั้งหมด จึงเป็นการประชุมที่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนี้โดยอาศัยข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยและผลแห่งคำพิพากษาของศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ ๑๔๓๒/๒๕๒๓ หมายเลขแดงที่ ๗๖๖๓/๒๕๒๔ ระหว่างนางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์ โจทก์ บริษัทแวร์ แอนด์ แวร์มาเก็ตติ้ง เซอร์วิสเซส จำกัด กับพวก จำเลย เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะข้อเท็จจริงและผลแห่งคำพิพากษาในคดีดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ เพราะคดีทั้งสองมีคู่ความเป็นคนละรายกัน โจทก์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีนั้นแต่อย่างใดนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๗๖๖๓/๒๕๒๔ ของศาลแพ่งที่ว่า นางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์โจทก์ได้ขายหุ้นจำนวน ๓,๓๙๘ หุ้นให้แก่นายเวคิน สุวรรณคีรีจำเลยที่ ๓ ในคดีดังกล่าวไปแล้วใช่หรือไม่ มีความเกี่ยวพันกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้โดยตรง แม้ว่าโจทก์ทั้งสองคดีจะเป็นคนละคนกันและมิใช่คู่ความในคดีเดียวกันก็ตาม เพราะก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยคดีนี้ว่า การประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ ของบริษัทจำเลยมีผู้ถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของหุ้นทั้งหมดหรือไม่นั้น จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนว่านางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยขณะที่บริษัทจำเลยจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ หรือไม่ หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน ๓,๓๙๘ หุ้นในบริษัทจำเลยขณะที่มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ แล้ว การประชุมดังกล่าวจะมีผู้ถือหุ้นเข้าประชุมรวมกันน้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ของหุ้นทั้งหมด แต่หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์ ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นจำนวน ๓,๓๙๘ หุ้นในบริษัทจำเลยขณะที่มีการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ โดยนางสาวดวงมณีได้ขายหุ้นจำนวน ๓,๓๙๘ หุ้นให้แก่นางเมย์ลิง อาแบร์เล่ และนางเมย์ลิง อาแบร์เล่ ได้โอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่นายเวคิน สุวรรณคีรี แล้วการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ ๑/๒๕๒๒ ของบริษัทจำเลยจะมีผู้ถือหุ้นเข้าประชุมรวมกันเกินกว่าร้อยละ๗๐ คือเท่ากับร้อยละ ๘๖ ของจำนวนหุ้นทั้งหมดดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๗๖๖๓/๒๕๒๔ ของศาลแพ่งที่ฟังว่า นางสาวดวงมณี เลียวไพรัตน์ ได้ขายหุ้นจำนวน ๓,๓๙๘ หุ้นให้แก่นางเมย์ลิง อาแบร์เล่ และนางเมย์ลิง อาแบร์เล่ ได้โอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่นายเวคิน สุวรรณคีรี มาวินิจฉัยตัดสินในคดีนี้ จึงเป็นการวินิจฉัยที่ตรงกับประเด็นที่ได้กำหนดหน้าที่นำสืบและภาระการพิสูจน์ไว้ในคดีนี้คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share