คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมกัน โดยแยกออกเป็น 2 ข้อ ข้อแรกกล่าวถึงความผิดฐานบุกรุกส่วนข้อที่ 2 กล่าวว่าในวาระต่อจากข้อแรก จำเลยกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องดังนี้ ก็หมายความว่าจำเลยรับว่าเจตนากระทำผิดตามฟ้องทั้ง 2 ข้อ 2 ฐานความผิดจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องนั้นมิได้หมายความว่าจำเลยรับว่าเคยถูกศาลพิพากษาให้รอการลงโทษมาตามที่กล่าวในฟ้องด้วย เมื่อโจทก์ไม่ สืบพยาน การที่ศาลชั้นต้นนำโทษที่รอมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58, 364, 365, 358 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 แต่การที่จำเลยบุกรุกแล้วทำให้เสียทรัพย์เป็นการต่อเนื่องกันกับการบุกรุกเคหสถานเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุดฐานบุกรุกเคหสถาน จำคุก 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 2 เดือน นำโทษจำคุก 3เดือนในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้รวมจำคุก 5 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้เพียงว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันเห็นว่าความผิดฐานบุกรุกและความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นความผิดซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน และประมวลกฎหมายอาญาได้บัญญัติความผิดทั้งสองฐานนี้ไว้ต่างหมวดกันด้วย ประกอบกับคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ โจทก์ได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน โดยแยกออกเป็น 2 ข้อ ข้อแรกกล่าวถึงการที่จำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกส่วนข้อที่ 2 โจทก์กล่าวว่าในวาระต่อจากข้อแรก จำเลยได้กระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งหมายความว่าจำเลยให้การรับสารภาพว่าจำเลยเจตนากระทำความผิดตามฟ้องทั้ง 2 ข้อ 2 ฐานความผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น แต่สำหรับความผิดฐานบุกรุกที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 ขึ้นปรับบทลงโทษจำเลยอีก ทั้งนี้ ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 1307/2520 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรี โจทก์ นายวารี สุริยวงศ์ จำเลย

อนึ่ง ปรากฏตามฟ้องคดีนี้ว่าโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์)คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523 ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ในระหว่าง 1 ปี จำเลยมากระทำผิดคดีนี้อีก ขอให้นำโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523 ดังกล่าวมาบวกกับโทษจำเลยในคดีนี้ด้วย เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) และศาลดังกล่าวได้พิพากษาและรอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนดเวลา 1 ปีนั้น เป็นข้อเท็จจริงแยกออกได้ต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดในคดีนี้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องมีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏ คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องคดีนี้เท่านั้น จำเลยมิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์)ศาลดังกล่าวได้พิพากษาลงโทษและรอการลงโทษจำเลยไว้ภายในกำหนดเวลา 1 ปี โจทก์ก็ไม่ได้สืบพยานให้ปรากฏเช่นนั้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) ซึ่งศาลดังกล่าวได้พิพากษาลงโทษและรอการลงโทษจำเลยไว้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้นำโทษจำคุก 3 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 330/2523 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ด้วยจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 และ 358 ให้เรียงกระทงลงโทษฐานบุกรุกตามมาตรา 365จำคุก 4 เดือน ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 2 เดือน รวมเป็นให้จำคุกจำเลย6 เดือน จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลย 3 เดือน คำขอของโจทก์ที่ให้นำโทษจำเลยในคดีแดงที่ 330/2523 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) มาบวกเข้ากับโทษจำเลยในคดีนี้ด้วยนั้น ให้ยกเสีย จำเลยถูกจำคุกมาพอแก่โทษแล้วให้ปล่อยตัวไป”

Share