แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร จำเลยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ และศาลได้อนุญาตให้ทุเลานั้นจะถือว่าเป็นสัญญาใหม่ให้จำเลยอยู่ในที่เช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาหาได้ไม่
โจทก์จำเลยต่างแถลงรับตามประเด็นที่โต้เถียงกันแล้วศาลก็วินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ไม่จำต้องสืบพยาน
อยู่ในที่เช่าโดยการเช่าโดยทำสัญญาเช่าใหม่หรือไม่เป็นข้อเท็จจริง
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกเช่าของโจทก์ และให้ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย
จำเลยฎีกาเป็นใจความสำคัญสองข้อ คือ 1. ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้จำเลยสืบพยานเพื่อแสดงว่า โจทก์ได้ขึ้นค่าเช่าและเรียกเงินกินเปล่าเป็นการเดือดร้อน ไม่ชอบ 2. เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยแล้ว ทั้งโจทก์และศาลได้ยกให้จำเลยอยู่ในสถานที่เช่า และให้จำเลยเสียค่าเช่าแก่โจทก์ต้องถือว่าคู่สัญญาได้มีสัญญากันต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 จำเลยจึงมิได้อยู่โดยละเมิดและย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฎีกาข้อแรกนั้น ศาลชั้นต้นได้สอบถามคู่ความตามข้อโต้เถียง โจทก์จำเลยแถลงรับตามประเด็นวินิจฉัยชี้ขาดได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานเป็นการชอบด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วส่วนฎีกาข้อ 2 นั้นปรากฎว่าเมื่อศาลได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร จำเลยได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์และโจทก์ได้คัดค้านไว้ จะถือว่าศาลและโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในสถานที่เช่าต่อไปโดยได้ทำสัญญาใหม่ไม่มีกำหนดเวลาตามมาตรา 570 หาได้ไม่ และฎีกาข้อนี้ก็เถียงฝิ่นข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันมาว่าจำเลยอยู่โดยไม่มีอำนาจ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พิพากษายืน