แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นอุปการะแก่การกระทำผิดฐานรับสินบลและต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้สมรู้
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่านายปั่นจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งช่างประจำตอนการทางจตุรัส มีอำนาจหน้าที่ควบคุมราษฎรที่ถูกเกณฑ์ไปทำงานทางยุทธศาสตร์ ส่วนนายทองสุขจำเลยเป็นผู้แทนของผู้รับเหมาซึ่งทางการได้จ้างมาร่วมทำงานทางยุทธศาสตร์สายนี้บางตอนด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ที่ถูกเกณฑ์พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อไปมอบให้นายปั่นจำเลยเวลานั้นนายทองสุขจำเลยอยู่ที่นั่นและได้ช่วยเหลือนายปั่นจำเลยในการรับมอบตัวผู้ที่ถูกเกณฑ์นั้นด้วย นายทองสุขได้ลุกขึ้นยืนประกาศแก่ราษฎรที่ถูกเกณฑ์มาเหล่านั้นว่า “ใครอยากกลับบ้านก็ให้เอาเงินมาเสีย ๒๐ บาท แล้วจะออกใบเสร็จงานให้” ขณะนั้นนายปั่นจำเลยก็นั่งอยู่ที่นั่นแหละมิได้คัดค้านประการใด ผู้ถูกเกณฑ์ได้เสียเงินให้นายทองสุขจำเลยคนละ ๒๐ บาท รวม ๔๕ คน แล้วนายทองสุขจำเลยก็ออกบัตรเสร็จงานให้ไป บัตรเสร็จงานนี้เป็นบัตรที่แสดงว่าผู้มีชื่อในบัตรนั้นได้ทำงานครบกำหนดแล้ว โดยนายปั่นจำเลยเป็นผู้ออกและลงชื่อไว้ทุกฉะบับ นายทองสุขจำเลยเป็นคนกรอกชื่อผู้ที่นำเงินมาเสียแล้วมอบบัตรให้ไป โจทก์จึงฟ้องนายทองสุขจำเลยว่า
การที่นายทองสุขจำเลยได้ประกาศและรับเงินจากราษฎรเช่นนั้นเป็นการอุดหนุนช่วยเหลือโดยให้โอกาศเป็นอุปการะแก่การที่นายปั่นจำเลยจะทำการรับสินบลจากราษฎร
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในส่วนตัวนายทองสุขจำเลยว่า มีความผิดฐานสมรู้ในการรับสินบล กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๖๕-๑๓๗
ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของนายทองสุขดังกล่าวข้างต้นเป็นการกระทำอันเป็นอุปการะแก่การกระทำผิดฐานรับสินบลของนายปั่น นายทองสุขจำเลยจึงเป็นผู้สมรู้ในการกระทำผิดนั้นด้วย พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์